businessmen-1000934__180

การพัฒนาบุคลากรแบบองค์รวม (Human Holistic Development)

หลักสูตรโครงการพัฒนาบุคลากรด้วยหลักสูตรบูรณาการแบบองค์รวม (Human Holistic Development )

silhouette-978956__180

หลักการและเหตุผล

         จากการอบรมที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นส่วนงานไหน ปัญหาอย่างหนึ่งที่ทุกองค์กรประสบพบเจอก็คือ พนักงานเข้าอบรมแล้ว ช่วงแรกจะมีไฟในการทำงาน แต่หลังจากนั้นก็จะหมดไฟลงไปเรื่อยๆ แล้วก็รอปีต่อไปที่จะทำการจุดไฟให้ลุกขึ้นอีกครั้ง

         ซึ่งถ้ามาดูกันแล้วจะเห็นได้ว่าน่าจะอยู่แค่ประมาณ 1-2 เดือน ที่ผลงานจะดีขึ้น และหลังจากนั้น 10 เดือน จะพบว่าประสิทธิภาพในการทำงานจะค่อยๆทรงตัวและลดลงไปในที่สุด ส่งผลให้องค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ เริ่มไม่เห็นความสำคัญของการฝึกอบรม จึงมองแค่อบรมตามกฎหมายหรือตามนโยบายของบริษัท ทั้งๆที่การฝึกอบรมนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่เพราะขาดความเข้าใจในการที่นำมาปรับใช้ และความต่อเนื่องในการอบรมรวมไปทั้งการเฝ้าติดตามประเมินผลหลังอบรมไม่มีการติดตามผล (ก่อนอบรม หลังอบรมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน)

      ทั้งนี้เกิดขึ้นมาจากหลักสูตรต่างๆ ที่มีการอบรมให้แก่บุคลากร ไม่มีความเชื่อมโยงกันหรือถ้ามีแต่ก็ไม่สามารถทำให้ผู้เข้าอบรมสามารถเชื่อมโยงกันได้ว่าทุกๆ หลักสูตรมันเกี่ยงข้องกันอย่างไร

     จึงเป็นที่มาของโครงการพัฒนาบุคลากรด้วยหลักสูตรบูรณาการแบบองค์รวม ( Human Holistic Development ) ที่จะทำการเชื่อมโยงหลักสูตรต่างๆ ให้เป็นไปแนวทางเดียวกัน เพื่อพัฒนาบุคลากรเป็นขั้นเป็นตอนด้วยระดับความเข้มข้นของหลักสูตรที่จะค่อยๆ เพิ่มความเข้าใจ จนถึงการที่จะนำไปปฏิบัติแบบใช้ได้จริงในการทำงาน   จะเริ่มต้นด้วยหลักสูตร

team-720291__180

1.หลักสูตรการเป็นผู้นำและนักบริหารมืออาชีพด้วย 5Q (Leadership with 5Q)

  หลักการและเหตุผล

5Q คืออะไร?

        การเป็นผู้นำที่จะประสบความสำเร็จตามที่ได้วางไว้ได้อย่างดี มีองค์ประกอบมากมายที่จะนำมาพิจารณาการทำงานให้บรรลุเป้าหมายและไปในทิศทางเดียวกันนั้นจะใช้ความรู้ความสามารถเพียงด้านเดียวคงจะไม่พอต่อการถึงจุดหมายปลายทาง

          การพัฒนาระดับความสามารถ (Quotient) ในด้านต่างๆ ของผู้นำนั้นจึงเป็นประเด็นที่สำคัญที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิต และส่งให้ชีวิตการทำงานดีขึ้นไปด้วยจึงจะเรียกว่า การเป็นผู้นำและนักบริหารมืออาชีพ

 

          การพัฒนาผู้นำและนักผู้บริหารมืออาชีพจึงต้องให้ความสำคัญ ทั้ง 3 ด้าน คือ

1.ความรู้ความสามารถในงาน 
2.การคิดเชิงกลยุทธ์ 
3.การพัฒนาภาวะผู้นำเพื่อให้ผู้นำและนักบริหารมืออาชีพพัฒนาตัวเอง เป็นผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

leadership-913043__180

        ผู้นำและผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพ จะทำให้รูู้จักตัวเอง, รู้จักพนักงาน, รู้จักองค์กรและมีทัศนคติเชิงบวก ทำให้การบริหารงานได้ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างสัมฤทธิผลสำคัญโดยง่าย และเมื่อพัฒนาทีมงานโดย จัดการทำเอง จัดการพนักงาน จัดองค์การให้ เหมาะสมและบริหารอย่างสร้างสรรค์แล้ว ก็จะกลายเป็นผู้นำและนักบริหารมืออาชีพที่ทรงคุณค่า 

        การพัฒนาระดับความสามารถในด้านต่างๆ ที่สำคัญ (5Q) ของผู้นำนั้น จึงเป็นแนวทางที่องค์กรส่วนใหญ่อยากให้เกิดขึ้นกับผู้นำในองค์กรของตัวเองโดยการทำให้ผู้นำมี 5Q ที่สูงขึ้น

 

IQ : ทักษะการคิดแก้ปัญหาอย่างฉลาด

EQ : การจัดการอารมณ์เชิงลบของตัวเอง

AQ : การเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นโอกาสที่ท้าทาย

OQ : การแสดงผลงานที่มีคุณค่า

UQ : การเป็นบุคคลที่มีจริยธรรมอันดี

 

        การประยุกต์ใช้แนวทางบริหารจัดการ Q (Quotient) ต่างๆ กับเป้าหมายในชีวิตหรืองานที่ได้รับ รวมถึงสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน ย่อมทำให้ผู้นำสามารถพิชิตเป้าหมายของตัวเอง และมีความสัมพันธ์ที่มีต่อบุคคลรอบข้าง  รวมถึงการเป็นผู้นำที่มีจิตใจที่ดีขององค์กร จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

             การเรียนรู้และนำแนวทางไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างเข้าใจแนวทาง 5Q นั้น จะทำให้ผู้นำได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่แล้วอย่างเต็มที่และเต็มกำลัง นั่นก็หมายความว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติงานของแต่ละบุคคลที่ดีขึ้น จึงทำให้เกิดผลงานที่มีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

            โดยที่ Q แต่ละตัวจะสอดคล้องกันและทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยมีหลักของสมาธิเข้าไปเป็นพื้นฐานของสิ่งเหล่านี้จะทำให้เป็น 5Q แบบยั่งยืนแล้วเป็นต้นแบบเพื่อองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ได้นำไปปรับใช้ให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรตัวเอง

women-1209678__180

วัตถุประสงค์

  1. สร้างมุมมองการอยู่ร่วมกันที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยกของผู้นำ โดยรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น ผู้นำสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการคิด เพิ่มประสิทธิผลของการสื่อสาร และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตนเองกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างลงตัว สามารถประยุกต์ใช้ 5Q กับการทำงานเพื่อการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น
  2. เกิดการเรียนรู้กระบวนการของ 5Q ของผู้นำที่ดี และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีรูปแบบและเห็นผล มีมุมมองปัญหาและอุปสรรคของงานที่เจออยู่ด้วยมุมมองใหม่ๆ สามารถนำวิธีการ 5Q ของผู้นำมาใช้ในการแก้ปัญหาได้อย่างเป็นเหมาะสม
  3. ได้ปรับบุคลิกภาพของผู้นำให้เข้ากับผู้อื่นอย่างเหมาะสม
  4. เข้าใจการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพของผู้นำ และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
  5. ได้จุดร่วม และสงวนจุดต่างของผู้นำและการอยู่ร่วมกันในการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข และบรรลุเป้าหมายขององค์กรร่วมกัน
  6. ค้นพบ “ตัวตน” ของผู้นำในแบบฉบับที่แท้จริงของตนเอง สามารถนำพาตนเองและองค์กรที่มีความหลากหลายไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจําวันและการทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  7. เข้าใจหลักของ 5Q ผ่านกิจกรรมดังต่อไปนี้

team-808761__180

– สนุกกับการใช้ IQ (Intelligence Quotient) แก้ปัญหาต่างๆ

– พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ EQ (Emotional Quotient)

– ก้าวข้ามอุปสรรค AQ (Adversity Quotient) อย่างกล้าหาญ

– แสดงผลงานอย่างมีคุณค่าด้วยความเป็นเจ้าของ OQ (Optimist Quotient)

– พัฒนาตนเองเพื่ออยู่ร่วมกับสังคม UQ (Unity Quotient)  อย่างมีความสุข

 

  1. ได้ทดลองปฏิบัติผ่าน Workshop: กำหนดแนวทางพัฒนา 5Q ของตนเอง

 

กลุ่มเป้าหมายและจำนวนผู้เข้าอบรม

ผู้บริหารทุกระดับที่ต้องการมีเครื่องมือพัฒนาศักยภาพตัวเองให้สูงสุด

 

ลักษณะของการอบรม

        เป็นการเรียนรู้เนื้อหาวิชาการ ผ่าน Work Shop และกิจกรรมต่างๆ โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า 5Q (IQ EQ OQ AQ UQ ) และ OD ที่หลากหลายประเภทผสมผสานกัน เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาทางวิชาการให้เข้าใจได้ง่าย สามารถนำไปปรับใช้กับการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 businessmen-1000934__180

วิธีการ

  1. บรรยายเนื้อหาวิชาการประกอบการทำ Work Shop และกิจกรรมกลุ่ม ในอัตราส่วน เนื้อหาวิชาการ 70 : Work Shop กิจกรรม 30
  2. การใช้เครื่องมือทางด้าน 5Q และ OD tools และเทคนิคการฝึกอบรมหลายประเภท เช่น
  • Ai (Appreciative Inquiry)
  • Dialogue สุนทรียะสนทนา
  • เกมพฤติกรรม
  • Work Shop
  • การระดมความคิดด้วย 5Q
  • Clip VDO และอื่นๆ

 

หัวข้อสำคัญในการเรียนรู้

  • หลักและวิธีการจัดการงานและคนอย่างมีประสิทธิภาพด้วย 5Q
    • ใครคือคนที่องค์กรต้องการ
    • บทบาทหน้าที่ของหัวหน้างาน
    • ทฤษฎีพฤติกรรมมนุษย์เพื่อการจัดการ
    • เรียนรู้คน จากโมเดลผู้นำ 4 ทิศ
  • การสร้างแรงผลักดันให้ลูกน้องทำงานและมุ่งมั่นทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
    • ทฤษฎีการสร้างแรงจูงใจ ในการทำงาน
  • เรียนรู้ทักษะการบริหารจัดการงานโดยสามารถวางแผนงานที่รับมอบหมาย สั่งงาน ติดตาม ความคุม และแก้ไข ปัญหาเบื้องต้น และรายงานผู้บังคับบัญชาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • PDCA หรือที่เรียกว่าวงจรเดมิง (อังกฤษ: Deming Cycle) หรือวงจรชูฮาร์ต (Shewhart Cycle) คือวงจรการควบคุมคุณภาพ
    • การทำงานแบบ โฮ (HO) เรน (REN) โซ (SOU)การรายงาน-การติดต่อ-การปรึกษา
  • การประยุกต์กับการทำงานได้อย่างสัมฤทธิผลด้วย 5Q
  • ทัศนคติที่ดีในการทำงาน
  • Work Shop
    • ผ่านกิจกรรมกลุ่ม 4-5 กิจกรรม In house
    • ระดมสมอง และแชร์ความคิด

 man-1240832__180

กรอบการฝึกอบรม : รู้คน รู้งาน รู้ความต้องการขององค์กร

หัวข้อ (Topics) ประเด็นสำคัญในการเรียนรู้ (Key Points)
ช่วงที่ 1 รู้คน ·         ละลายพฤติกรรม ทำความรู้จัก Open Mind

·         นำเข้าสู่เนื้อหาหลักสูตร

·         5Q คืออะไร

·         การพัฒนาตนเองเพื่อเสริมสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีด้วย 5Q

·         รู้จักตนเองเพื่อเข้าใจผู้อื่นด้วย 5Q

·         ใครคือคนที่องค์กรต้องการ?

·         บทบาทหน้าที่ของหัวหน้างาน

·         ทฤษฎีพฤติกรรมมนุษย์เพื่อการจัดการ

·         Work Shop เรียนรู้คน จากโมเดลสัตว์ 4 ทิศ

 

ช่วงที่ 2 :

รู้งาน1

§  Work Shop 1 (การมองปัญหาด้วย 5Q)

§  ทฤษฎีแรงจูงใจเพื่อการจัดการ

§  เรียนรู้วงจรเดมิง Deming Cycle/วงจรชูฮาร์ต (Shewhart Cycle) คือวงจรการควบคุมคุณภาพ ตอนที่ 1

ช่วงที่ 3 : 

รู้งาน 2

Work Shop2 (การแก้ปัญหาด้วย 5Q)

§  เรียนรู้วงจรเดมิง Deming Cycle/วงจรชูฮาร์ต (Shewhart Cycle) คือวงจรการควบคุมคุณภาพ ตอนที่ 2

§  การทำงานแบบ โฮ (HO) เรน (REN) โซ (SOU)การรายงาน-การติดต่อ-การปรึกษา

o  การวางแผน

o  การมอบหมายสั่งงาน

o  การติดตามประเมินผล

o  การควบคุมและแก้ไขปัญหา

o  การรายงานผู้บังคับบัญชา

ช่วงที่ 4 : รู้ความต้องการขององค์กร   ·       รู้ความต้องการขององค์กร 

·       สรุปประเด็นสำคัญและเข้าทำความเข้าใจการบริหารแบบ 5Q อย่างลึกซึ้ง

·       Q&A พร้อมแลกเปลี่ยน แชร์ประสบการณ์จริงจากวิทยากร

สร้างคุณค่าการทำงานร่วมกัน Commitment อำลา

man-879094__180

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

  • ผู้เข้ารับการอบบรมได้ความรู้ความเข้าใจในหลักและวิธีการจัดการงานและคนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยหลักการของ 5Q
  • ผู้เข้ารับการอบรมได้เรียนรู้เทคนิคของ 5Q และเข้าใจถึงวิธีการสร้างแรงผลักดันให้ลูกน้องทำงานและมุ่งมั่นทำงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างสุนทรียะ
  • ผู้เข้ารับการอบรมได้เรียนรู้และเข้าใจทักษะการบริหารจัดการงานโดยสามารถวางแผนงานที่รับมอบหมาย สั่งงาน ติดตาม ความคุม และแก้ไข ปัญหาเบื้องต้น และรายงานผู้บังคับบัญชาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผู้เข้ารับการสัมมนาสามารถสร้างสัมพันธภาพ ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้วยความคิดเชิงบวกและความรู้สึกดีๆที่มีต่อกัน ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข

 

man-879093__180

 

 2.หลักสูตร การบริหารเวลาอย่างสร้างสรรค์เพื่อผลงานที่เป็นเลิศ

(Time Management & Creativity for effective work techniques)

 alarm-clock-499038__180

หลักการและเหตุผล :

          การทำธุรกิจในยุคแห่งการแข่งขันที่ไร้พรมแดนมีเงื่อนไขในกระบวนการทำธุรกิจที่ซับซ้อนมากขึ้น แต่ละองค์กรต้องปรับตัวเพื่อการแข่งขันทั้งองค์กรธุรกิจในประเทศและในต่างประเทศ การพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการเวลาของบุคลากรภายในองค์กร ถือเป็นกุญแจสำคัญเพื่อผลงานที่แตกต่างและยอดเยี่ยมและการรับมือสูงความสำเร็จในธุรกิจยุคนี้

         ปัจจุบันแนวคิดในการบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพกำลังเปลี่ยนไปเพราะการจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพได้สร้างความได้เปรียบในเชิงประสิทธิผลและผลลัพธ์ขององค์กรและบุคคลากรอย่างมีความแตกต่าง หากนับเอาผู้ประสบความสำเร็จในแวดวงต่างๆแล้วพบว่า การจัดการเวลาอย่างมีระเบียบและหลักเกณฑ์ที่ดีล้วนเป็นปัจจัยที่ได้รับความสำคัญเป็นอย่างมาก

         การกำหนดเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการและเรื่องเร่งด่วนที่ต้องพิจารณาว่าสำคัญหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่เรากำหนดไว้นั้นมีความชัดเจนมากแค่ไหน เป็นเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างไร เพราะถ้าเป้าหมายของเราเป็นเป้าหมายระยะสั้น การบริหารของเราก็มีแต่เรื่องเร่งด่วน เพราะเวลาเราจะเดินอยู่ตลอดเวลา แผนการดำเนินของเราจะต้องละเอียดมาก

          การประยุกต์ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีในด้านการบริหารเวลานับว่ามีความสำคัญ ที่ทำให้เราสามารถจัดการงานที่สำคัญและ งานเร่งด่วนได้อย่างมีประสิทธิผล อีกทั้งยังช่วยเราในเรื่องของการตัดสินใจที่ดีด้วย แค่เราต้องเลือกให้เหมาะสมกับงานแต่ละประเภทและความถนัดของเราด้วยเช่นกัน

clock-163200__180

      วัตถุประสงค์การเรียนรู้

  1. ผู้เข้าอบรมมีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “เวลาเป็นสิ่งสำคัญกับชีวิตเรามาก”
  2. ผู้เข้าอบรมมีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “สิ่งดีๆ และมีคุณค่าบางอย่างล้วนเกิดขึ้นได้จากการบริหารเวลาเป็น”
  3. ผู้เข้าอบรมสามารถกำหนดประเภทและลักษณะของงานได้ชัดเจนตามเป้าหมายของตัวเอง
  4. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้จนเกิดความเข้าใจในปัญหาและอุปสรรคในการบริหารเวลา พร้อมทั้งสามารถเลือกใช้เทคนิคในการเอาชนะได้ด้วยตัวเอง
  5. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้และเข้าใจหลักการบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิผล
  6. ผู้เข้าอบรมมีความตระหนักรู้ในความสำคัญของเวลาในชีวิตและรู้เท่าทันการใช้เวลาของตนเอง
  7. ผู้เข้าอบรมสามารถประยุกต์สิ่งที่ได้เรียนรู้เพื่อการบริหารงานและบริหารเวลาในการปฏิบัติงานจริง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน

  clock-163202__180

หัวข้อการอบรม

Module 1: Overview

  • ทำไมถึงต้องบริหารเวลา
  • กรณีศึกษาและ workshop เพื่อให้เข้าใจการบริหารเวลากับการเปลี่ยนแปลง และสิ่งที่ต้องการเปลี่ยนแปลงจากประสบการณ์จริง

time-1528627__180

Module 2: Time Management Processes

  • 9 ขั้นตอนสู่การบริหารเวลา
  • วิเคราะห์มิติของเวลาที่มีมากกว่าที่เรามองเห็น
  • กรณีศึกษาและ workshop เพื่อฝึกวางแผนการบริหารเวลาในองค์กร เช่นจากตนเอง ทีมงาน และองค์กร จากสิ่งที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์จริง
  • แหล่งที่มาของความล้มเหลว และข้อควรระวังของการไม่รู้จักการบริหารเวลา

 

Module 3: Effective work techniques and Responsibilities

  • บทบาท และหน้าที่ของแต่ละคนที่ต้องช่วยกันบริหารเวลาในองค์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • ทักษะที่จำเป็นและความสามารถในการบริหารเวลา
  • การมอบหมายงานที่เหมาะสมเป็นการบริหารเวลาที่ดีเยี่ยม (Delegating Techniques)
  • การบริหารเวลากับการประชุม (Effective Meeting)
  • การจัดการกับนิสัยบางอย่าง (Changing some habits) เช่น การผัดวันประกันพรุ่ง (Procrastination)
  • การไม่ยอมตัดสินใจ การชอบ อยากได้ทุกอย่าง ความไม่เป็นระเบียบ ฯลฯ
  • เทคนิคการจัดการกับเวลาที่เสียไป (How to use your waste time) เช่น เวลาระหว่างเดินทางมาทำงาน เวลาการรอคอย

time-1739630__180

Module 4: Time management tools and applications techniques

เครื่องมือในการบริหารเวลาและการประยุกต์ใช้

ทฤษฎี พาเรโต 80: 20

การจัดลำดับความสำคัญของงานด้วยหลัก ABC

บริหารเวลาด้วย เทคนิคการทำงานของ PDCA

เทคนิคการจัดลำดับและเลือกทำสิ่งที่สำคัญ

แบ่งประเภทความสำคัญ 3 ระดับ สำคัญมาก + สำคัญ  + ไม่สำคัญ

งานที่สำคัญ… คืองานประเภทไหน

งานที่สำคัญ… ควรวางแผน แยกประเภท และจัดลำดับอย่างไร

การบริหารเวลาให้มีประสิทธิผลโดยการ    จัดแบ่งงาน  จัดแบ่งเวลา   จัดแผนงาน

ถ้าเราบริหารเวลาได้ดี เราจะมีเวลามากกว่า 24 ชั่วโมง

บริหารเวลาได้ดี ได้ผลลัพธ์ดี ๆ เรื่องอะไรบ้าง

ทำไม บริหารเวลาได้ดี ถึงมีเวลามากกว่า 24 ชั่วโมง

วันนี้ ต้องทำอย่างไร ให้เราบริหารเวลาได้ดีกว่าเมื่อวาน…

Work Life Balance กับ สมการของชีวิต

smart-725843__180

3 เทคนิคบริหารเวลา สร้างคุณค่าให้ชีวิต

  1. รู้จักเป้าหมาย
  2. รู้จักชีวิตตัวเอง
  3. รู้จักการจัดสรรเวลาดี ๆ ให้ชีวิต

 

รูปแบบหลักสูตร

1.การบรรยาย                                                                                           50 %

2.เกมส์ / กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop                 50%

 

 

3.หลักสูตร ทีมบิ้วดิ้ง (Stepteambuilding)

 100 114

p_20161024_140214_hdr p_20161024_140225_hdr p_20161024_140305_hdr p_20161024_140357_hdr p_20161024_140432_hdr  p_20161024_140805_hdr p_20161024_143653_hdr p_20161024_145142 p_20161024_145402 p_20161024_145506 p_20161024_145630  p_20161024_152015

Module 1 : การสร้างสัมพันธภาพด้วยการสื่อสาร

วัตถุประสงค์

  • รู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการคิดในการสื่อสาร และการสร้าง ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตนเองกับผู้อื่นได้
  • เข้าใจองค์ประกอบ กระบวนการ หน้าที่ของการสื่อสาร สามารถขจัดอุปสรรคในการสื่อสาร สร้าง สมดุลระหว่างภาษาพูดกับภาษาท่าทาง กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม และมีทักษะในการฟังที่มี ประสิทธิภาพ
  • ผู้เข้าอบรมสามารถเรียนรู้การทํางานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข และบรรลุเป้าหมายเดียวกัน
  • ผู้เข้าอบรมสามารถนําความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวันและการทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

หัวข้อการอบรม

  • THE JOHARI WINDOW
  • วิธีการขยาย OPEN AREA ให้กว้างขึ้น
  • ประโยชน์ของการเปิดหน้าต่าง OPEN AREA
  • องค์ประกอบของการสื่อสาร
  • กระบวนการสื่อสาร
  • หน้าที่ของการสื่อสาร
  • กฎเกณฑ์ในการสื่อสารที่ดี
  • วัฒนธรรมการสื่อสาร
  • เทคนิค E. I. O. U.
  • กรอบความคิดในการสื่อสาร
  • กฎแห่งการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน
  • ชื่นชมอย่างเปิดเผย
  • องค์ประกอบสำคัญของการสื่อสารระหว่างบุคคล
  • อุปสรรคในการสื่อสารระหว่างบุคคล
  • ขั้นตอนการสื่อสารระหว่างบุคคลอย่างมีประสิทธิผล
  • เทคนิคการฟังอย่างตั้งใจ
  • อุปสรรคในการฟัง
  • ระดับของการฟังอย่างตั้งใจ
  • ระดับของการฟังอย่างตั้งใจ
  • การฟังแบบ REFLECTING
  • 5 องค์ประกอบในการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ

 

p_20161024_133204      p_20161024_134921_bf

 

Module 2 :การรู้จักตัวเองเพื่อเข้าใจผู้อื่นอย่างแท้จริง

วัตถุประสงค์ 

1.เพื่อสร้างมุมมองการอยู่ร่วมกันที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยก โดยรู้จักตัวเอง และเข้าใจผู้อื่น

2.เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้กระบวนการ การรู้จักและเข้าใจกับตัวเองและผู้อื่นอย่างมีรูปแบบ

3.เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ปรับบุคลิกภาพเพื่อให้เข้ากับคนอื่น

4.เพื่อนำไปสู่การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

5.เพื่อการแสวงหาจุดร่วม และ สงวนจุดต่าง ของการอยู่ร่วมกันในการทำงาน

6.เพื่อค้นพบ “ตัวตน”ที่แท้จริงของตัวเองแล้ว จะสามารถนำพาตนเองและคนองค์กรที่มีความหลากหลากหลายไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้

 

หัวข้อการอบรม

– รู้จักตัวเองเพื่อเข้าใจคนอื่น    (GET ME GIVE YOU)

– ความแตกต่างของ เจเนอเรชั่น  ต่างๆ

– เราเป็นค่าเฉลี่ยของคน 5 คน ที่เราใกล้ชิดมากที่สุด

– Work Shop (เปลี่ยนเสียงนาฬิกาปลุก) เปลี่ยนวิธีใหม่ๆ กับเรื่องที่ทำซ้ำๆ กันอยู่ทุกวัน

– Work Shop ฝึกสมาธิ

– การพัฒนาตนเองเพื่อเสริมสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี

– Work Shop รู้ใจเพื่อน YES or NO

– Clip VDO การเข้าใจตัวเอง

– Work Shop ฟ้าร้อง/ฟ้าแลบ

– Work Shop หาเนื้อคู่

– เรียนรู้การทำงานของสมอง

– คิดด้วยสมองแต่ทำมันด้วยใจ

– การสื่อสารแบบปากต่อปาก (Work Shop) การใบ้คำ ใบ้ภาพ

– ความหมายที่แท้จริงของชีวิต

– คำพังเพยไทย (Work Shop สนุกคลายเครียด)

– WHO ARE YOU (Work Shop)

– แบบทดสอบสัตว์สี่ทิศ

– Dialogue (พูดคุยกันแบบสบายๆในกิจกรรมที่ผ่านมา)

– คนเราแตกต่างกันอย่างไร? และเราจะได้ประโยชน์ในการรู้ถึงความแตกต่างนั้นได้อย่างไร?

 

กลุ่มเป้าหมาย

1.บุคคลทั่วไปที่ต้องการเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของตนเอง และผู้อื่น

2.บุคคลทั่วไปที่ต้องการเตรียมพร้อมสู่การเป็นหัวหน้างาน

3.ผู้บริหาร หัวหน้างาน ระดับปฏิบัติงาน ที่ต้องการพัฒนาตัวเอง

 

p_20161024_134956_hdrp_20161024_140749_hdr

รูปแบบการสัมมนา

เกมส์ / กิจกรรมกลุ่มทีมบิ้วดิ้ง / ฝึกปฏิบัติ Workshop

 

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1.ผู้เข้าอบรมสามารถเรียนรู้เข้าใจธรรมชาติ และพื้นฐานของตนเองและผู้อื่นเพื่อทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข

2.เข้าใจตัวเองและผู้อื่นด้วย แบบทดสอบ สัตว์สี่ทิศ เพื่อนำไปปรับใช้กับการทำงานเป็นทีม

3.ผู้เข้าอบรมสามารถเรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่นและช่วยกันทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

4.ผู้เข้าอบรมทราบถึงวิธีการลดความตรึงเครียดในการอยู่ร่วมกันเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน

5.ผู้เข้าอบรมสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมีความสุข

 

 

4.หลักสูตร พัฒนาทักษะการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ Creative Thinking Skill Development

creative-725811__180

หลักการและเหตุผล

ความคิดนอกกรอบในองค์กร

            ความคิดนอกกรอบในองค์กร ถือเป็นการปฏิวัติกระบวนการทำงานแบบเดิม ๆ ที่เคยใช้ในการบริหารจัดการในอดีต ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสารได้เข้ามามีบทบาท ทำให้การรับรู้ของบุคลากรเติบโตอย่างรวดเร็ว ความคิดใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา หากมนุษย์มิได้มีการพัฒนาความคิด หรือนำความคิดดังกล่าวออกมาแสดง ก็เท่ากับเป็นการปิดกั้นความคิดอย่างเสรี

           ผู้ที่มีอิทธิพลในกระบวนการคิดนอกกรอบในองค์กร คือ ระดับผู้บริหาร เพราะองค์กรจะเดินไปในแนวทางใด ขึ้นกับผู้บริหารในการแสดงวิสัยทัศน์ขององค์กร แต่องค์กรโดยส่วนใหญ่ต่างให้ความสำคัญกับการตลาด (Marketing) เป็นอันดับแรก รองลงมาคือเรื่องของค่าเสื่อมสภาพ (Maintenances) ก่อนจะมาถึงเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources Development–HRD) ซึ่งมักจะให้ความสำคัญอยู่ในอันดับท้ายสุด

            creativity-70192__180

         การที่จะให้องค์กรเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนามนุษย์เป็นอันดับแรก ก่อนที่จะสนใจในสิ่งอื่น ๆ เพราะมนุษย์เป็นผู้ใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของทรัพยากรเหล่านั้น

        ปัจจุบันนี้หลายองค์กรเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถพัฒนาให้ตรงตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่วางไว้ หรือก้าวเข้าสู่วิสัยทัศน์ (Vision) ที่องค์กรได้วางไว้

          ผู้บริหารและทุก ๆ คนในองค์กร มีส่วนผลักดันให้เกิดการพัฒนาไปในทิศทางเดียวกันได้ แต่ต้องไม่ลืมว่า บุคคลแต่ละบุคคลต่างมีเป้าหมายเป็นของตนเอง เพียงแต่ยังไม่ได้ถูกนำออกมาใช้

         การคิดนอกกรอบเป็นแนวทางเบื้องต้น ในการพัฒนาสังคมให้ก้าวหน้าต่อไปได้  เพราะการคิดนอกกรอบเป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีที่สิ้นสุด

          การคิดเพียงอย่างเดียวมิได้ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แต่การที่ได้นำความคิดมาเขียน หรือปฏิบัติได้จริง เท่ากับเป็นการนำความเป็นนามธรรม (Intangible) แปรเปลี่ยนให้กลายเป็นรูปธรรม (Tangible) ที่สามารถจับและสัมผัสได้

         ความคิดของมนุษย์ ต่างก็มีค่ามีความสำคัญกันทั้งสิ้น เพียงแต่ยังไม่มีช่วงเวลาที่จะให้ได้นำออกมาใช้ ก็เพียงเพราะว่า บุคลากรรุ่นแรก ๆ ยังไม่ละทิ้งความต้องการทะยานอยากในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านอำนาจ กลัวว่าตนเองจะเสียอำนาจ เสียการปกครอง มิได้คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง มองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนที่ควรจะได้รับ ไม่รู้จักการวางมือหรือการละวาง ดำเนินตามทางสายกลางตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ให้ผู้ปฏิบัติเดินทางสายกลาง ไม่ตึงไม่หย่อนจนเกินไป

7

วัตถุประสงค์การเรียนรู้

  1. ผู้เข้าอบรมมีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “คนเราทุกคนล้วนมีความแตกต่างกัน…ต้องรู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกัน”
  2. ผู้เข้าอบรมมีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “สิ่งดีๆ และมีคุณค่าบางอย่างล้วนเกิดขึ้นได้เพราะความแตกต่างของคน”
  3. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ว่า “รากฐานของการมีความคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์นั้นต้องเริ่มต้นที่การมีความคิดเชิงบวก”
  4. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “คุณค่าของการมีความคิดริเริ่ม”
  5. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “คุณค่าของการมีความคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์”
  6. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “คุณค่าของการคิดอย่างเป็นระบบ”
  7. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “เทคนิคการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์”
  8. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “วิธีการระดมสมองเพื่อให้ได้มาซึ่งความคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์”

suit-673697__180

หัวข้อการอบรม

ภาพรวมของการคิด

  • กระบวนการคิด (Thinking Process)
  • ความคิดเชิงบวก (Positive Thinking)
  • ความคิดริเริ่ม (Initiative Thinking)
  • ความคิดนอกกรอบ (Lateral Thinking or Think out of the box)
  • ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
  • การคิดอย่างเป็นระบบ (Systematic Thinking)

water-263054__180

 กิจกรรมเพื่อการฝึกฝนพัฒนาทักษะการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์

กิจกรรมกลุ่มเพื่อฝึกฝนการระดมสมอง (Brain Storming) ให้ได้มาซึ่งความคิดดีๆ

เทคนิคในการให้ได้มาซึ่งความคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ เช่น

  • หลักการคิดด้วยมิติ 4 ย. (โยง,ใหญ่,แยก,ย่อย)
  • การคิดด้วยหมวก 6 ใบ, การคิดแบบผู้ชนะ 10 คิด
  • การดักจับความคิด (Idea spotting)
  • กระบวนการจัดลำดับความคิด
  • การประยุกต์ใช้ในการเขียนภาพภูมิความคิด (Mind Map & Concept Map)
  • เทคนิค “Look Good…Look Bad” (ถ้าจะต้องดูดีและไม่ดูแย่…จะต้องทำอย่างไรบ้าง)
  • เทคนิค “สมมุติว่าถ้ามันเป็นอย่างนั้น…ถ้ามันเป็นอย่างนี้…แล้วจะทำอย่างไร”
  • เทคนิค “ไม่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่…หรือสิ่งที่เป็นอยู่”
  • เทคนิค “เข้าไปดูใกล้ๆ…ถอยไปดูห่างๆ”
  • เทคนิค “ตรงกันข้าม”
  • เทคนิค “คุณสมบัติและคุณประโยชน์”
  • เทคนิค “Mind Map”
  • เทคนิค “องค์ประกอบ”
  • เทคนิค “ต้นน้ำ…ปลายน้ำ” ฯลฯ เป็นต้น

dices-160005__180ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

  1. ผู้เข้าอบรมได้มีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “คนเราทุกคนล้วนมีความแตกต่างกัน…ต้องรู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกัน”
  2. ผู้เข้าอบรมได้มีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “สิ่งดีๆ และมีคุณค่าบางอย่างล้วนเกิดขึ้นได้เพราะความแตกต่างของคน”
  3. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ว่า “รากฐานของการมีความคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์นั้นต้องเริ่มต้นที่การมีความคิดเชิงบวก”
  4. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “คุณค่าของการมีความคิดริเริ่ม”
  5. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “คุณค่าของการมีความคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์”
  6. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “คุณค่าของการคิดอย่างเป็นระบบ”
  7. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “เทคนิคการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์”
  8. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ “วิธีการระดมสมองเพื่อให้ได้มาซึ่งความคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์”

 

รูปแบบหลักสูตร

1.การบรรยาย                                                                     50 %

2.เกมส์ / กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop              50%

 

 

5.หลักสูตรการทำงานด้วยสุนทรียะสมาธิ

 meditation

หลักการและเหตุผล

     การที่จะให้องค์กรประสบความสำเร็จและขับเคลื่อนไปในทิศทาง ที่ผู้บริหารได้วางนโยบายไว้นั้น มีองค์ประกอบมากมายที่จะนำมาพิจารณาการทำงานให้บรรลุเป้าหมายและไปในทิศทางเดียวกันได้นั้นจะใช้ความรู้ความสามารถเพียงด้านเดียวคงจะไม่พอต่อการถึงจุดหมายปลายทาง

       แต่การที่จะมีความสุขและสนุกในการทำงานนั้นต้องมีธรรมและสมาธิในการบริหารคน และบริหารจิตใจของตนเอง หลักสูตรนี้จะเป็นการเรียนรู้และฝึกวิธีปฏิบัติร่วมทั้งการใช้ชีวิตในการงานให้มีความสุขและประสบความสำเร็จด้วยการผ่านการบรรยายและกิจกรรมจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งการบริหารงานและทางธรรมะ

      โดยหลักการของสมาธิที่นำมาปรับใช้กับองค์กร จะไม่เน้นไปทางศาสนาพุทธเพียงอย่างเดียว จะทำได้ทุกศาสนาเพราะหลักของสมาธิเป็นหลักสากลที่ทุกชาติ ศาสนา สามารถทำได้ โดยวิธีการก็จะแตกต่างกันไป

        ผู้บรรยายสามารถเชื่อมโยงหลักของสมาธิกับศาสนาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เพื่อนำไปปรับใช้กับการทำงานและชีวิตประจำวัน ได้อย่างเหมาะสมและพอดี เราจึงเรียกว่า “การทำงานด้วยสุนทรียะสมาธิ”

feng-shui-1026536__180

วัตถุประสงค์

1.เพื่อส่งเสริมให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ในการทำงานด้วยสุนทรียะสมาธิ ได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นในการทำงาน

2.เพื่อส่งเสริมและพัฒนาให้บุคคลากรมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน เกิดทักษะในการทำงานอย่างมีความสุข เพื่อพัฒนาศักยภาพในการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด

3.เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ฝึกปฏิบัติสมาธิ การภาวนาเพื่อความสงบสุขของชีวิต

4.ค้นพบ “ตัวตน” ที่แท้จริงของตัวเอง สามารถนำพาตนเองและองค์กรที่มีความหลากหลายไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้รวมถึงประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจําวันและการทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย  ” สุนทรียะสมาธิ “

children-480112__180

เนื้อหาการอบรม

บรรยายเรื่อง “สุขเป็น ก็ เป็นสุข”

  • การใช้ชีวิตให้สนุกกับการทำงาน
  • ระดมสมองสิ่งที่ทำให้สุขและทุกข์
  • หยิบสุข-ติดทุกข์
  • กิจกรรม“คุณเป็นคนประเภทไหน”
  • การทำแบบประเมินเพื่อวัดคุณเป็นคนประเภทไหน , บุคลิกของคนแต่ละประเภท
  • ประเมินตนเอง , ระดมสมองกันในกลุ่มว่าคุณเป็นคนเช่นนั้นหรือไม่ ?
  • ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสมาธิสำหรับผู้เริ่มต้น
  • เริ่มฝึกปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ

meditation-1287207__180

บรรยายเรื่อง “การดูจิตของตนเองด้วยการทำสมาธิ”

  • การทำงานใดก็ตาม ต้องเริ่มที่ใจ , ปฏิบัติสมาธิทั้งวันถ้าไม่สุขก็ไม่เกิดประโยชน์
  • ก่อนถึงวันนั้น…ใจอยู่แค่วันพรุ่งนี้พอ
  • ขยับกายสบายชีวี/ตามรู้เท่าทันปัจจุบันขณะ

บรรยายเรื่อง “ศิลปะแห่งการใช้สติ”

  • การมองมุมไหน ให้มองที่มีสติ ใช้สติในทางที่ควร
  • การมีสติกับการทำงาน
  • แยกกลุ่มปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ
  • กิจกรรม“ล้อมรักให้ครอบครัว ล้อมรั้วให้องค์กร”
  • ใครคือคนสำคัญที่สุดในชีวิตคุณ ฉีกกระดาษ 8 ช่อง ให้เขียนชื่อคนทีเรารัก 7 คน ในช่องกระดาษแล้วฉีก
  • ข้อดี – ข้อเสีย ขององค์กร จับผิดมากกว่าจับถูก?
  • สร้างความเป็นเนื้อเดียวกันและหัวใจดวงเดียวกัน
  • ทุกข์………..สิ่งที่ควรปล่อยวาง / เหยียบโลกไว้ไม่ต้องเครียด
  • การทำงานอย่างมีความสุข / การสร้างกำลังใจให้ตนเองและผู้อื่น

man-888591__180

จิตอาสาร่วมพัฒนางานให้มีคุณภาพ”

  • การสร้างความสุขในองค์กร วันนี้คุณมีจิตอาสาต่อองค์กรหรือยัง ?
    • จิตอาสาด้วยคำพูด
    • จิตอาสาด้วยกำลังใจ
  • กิจกรรม“ปุจฉา – วิสัชนา ตอบทุกคำถามคลายข้อสงสัย”
  • เราทำวันนี้เพื่อคนที่เรารัก จงมองระหว่างทางมากกว่าปลายทาง

meditation-338446__180

  • หากวันนั้นมาถึง…….คุณจะรู้สึกอย่างไร
  • วันนี้…..คุณทำ ในสิ่งที่เขาอยากเห็น ….คุณพูด ในคำที่เขาอยากได้ยิน แล้วหรือยัง ?
  • กิจกรรม“วิธีสร้างสุขให้ตนเองเพื่อคุณภาพการทำงานที่ดี”
  • อย่าขยายความทุกข์ต่อ
    • ความสุขสร้างได้ สร้างข้อคิดให้ตนเอง
    • สมาธิเพื่อพัฒนาคุณภาพในการทำงาน
    • จากใจ……..สู่ใจ เข้าใจเข้าถึง…สู่ที่พึ่งทางใจ
  • กิจกรรม“องค์กรแห่งการเรียนรู้สู่องค์กรแห่งความสุข”
    • องค์กรเปลี่ยนไป เมื่อใจเปลี่ยนแปลง

 

  • จุดเทียนอุดมการณ์ แห่งองค์กร

advent-568387__180

วิธีการนำเสนอ

  • ใช้เทคนิคการฝึกอบรมในลักษณะบูรณาการ โดยมุ่งเน้นผู้เข้าอบรมเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ ได้แก่ การใช้เกมละลายพฤติกรรม เกมเพื่อการเรียนรู้ การระดมสมอง การอภิปราย การบรรยายประกอบตัวอย่าง Workshop และตัวอย่าง Clip

 

 

ข้อสรุปของทั้ง 4 หลักสูตรกับการเชื่อมโยงด้วยหลักสูตร สุนทรียะสมาธิ

           ทางผู้บรรยายได้ทำเป็นลักษณะมีการเชื่อมโยงทุกๆหลักสูตรด้วย เครื่องมือที่เรียกว่า รู้จักตัวเองเพื่อเข้าใจผู้อื่น (Get me Give YOU) ด้วยแบบทดสอบที่เรียกว่า ผู้นำสี่ทิศ เพื่อแบ่งประเภทของคนว่าเป็นคนบุคลิก นิสัย ความคิด กรอบแนวคิด และอื่นๆอีกมากมายเกี่ยวกับข้องกับบุคคลประเภทนั้นๆ

         ซึ่งทุกหลักสูตรจะนำตัวนี้มาเป็นตัวดำเนินเรื่องราวต่างๆ พร้อมทั้งยกตัวอย่าง สถานการณ์ให้เห็นภาพชัดเจน และเพิ่มระดับความเข้มข้นจนถึงหลักสูตรสุดท้าย ที่เรียกว่า สุนทรียะสมาธิ จะปรับสมดุลใจให้เข้าใจชีวิตที่แท้จริงอย่างเหมาะสมที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับศาสนาใดศาสนาหนึ่งเพียงอย่างเดียว สุนทรียะสมาธิ จึงเป็นหลักสากล

        theravada-buddhism-1769592__180

   เราเรียกทั้งหมดว่า ปัญญา 3 ฐาน ( ฐานคิด ฐานกาย ฐานใจ)

ฐานที่ 1.ฐานคิด ประกอบไปด้วย

  • หลักสูตรการเป็นผู้นำและนักบริหารมืออาชีพด้วย 5Q (Leadership with 5Q)
  • หลักสูตการบริหารเวลาอย่างสร้างสรรค์เพื่อผลงานที่เป็นเลิศ (Time Management & Creativity for effective work techniques)
  • หลักสูตรพัฒนาทักษะการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ (Creative Thinking Skill Development)

     โดยทั้ง 3 หลักสูตรนี้จะเน้นไปที่ให้ผู้เข้าอบรมได้ใช้กระบวนการทางความคิด โดยทางผู้บรรยายจะให้กรอบแนวคิดต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในการทำกิจกรรม และผู้เข้าอบรมจะช่วยกันระดมสมองเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ อย่างมีมิติและนุ่มลึก

 

buddhist-481763__180

 ฐานที่ 2.ฐานกาย ประกอบไปด้วย

  • หลักสูตรการสร้างทีมให้มีประสิทธิภาพ (TEAM BUILDING)

         ฐานนี้จะเน้นไปที่กิจกรรมการสร้างทีม การลงมือทำ ร่วมมือร่วมใจ สามัคคี เพราะหลังจากได้ผ่าน ฐานคิด มาแล้วทำให้กระบวนการคิดจะมีระบบมากขึ้น ซึ่งก็จะนำมาใช้กับฐานกายแบบไม่ต้องคิดอะไรมากใช้ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทำงาน จะได้เรื่องทีมเวิร์คเป็นอย่างมาก

buddha-1395313__180

ฐานที่ 3.ฐานใจ ประกอบไปด้วย

  • หลักสูตรการทำงานด้วยสุนทรียะสมาธิ

         หลังจากที่ผ่านทั้ง 2 ฐาน (ฐานคิด ฐานกาย) ด้วยทั้ง 4 หลักสูตรมาแล้ว ผู้เข้าอบรมจะเริ่มมีกระบวนการคิด และลงมือทำอย่างเป็นระบบ มีความสามัคคีเป็นทีมเดียวกัน ทำให้มีทิศทางในการทำงานไปในทางเดียวกัน

        แต่สุดท้ายถ้าไม่มีอะไรมาสมดุลไว้ จะทำให้การทำงานของพนักงานเครียดไป เพราะคิดแล้วทำอยู่ตลอดไป ส่งผลเสียกลับมาภายหลังได้ถ้าไม่มีอะไรมาถ่วงดุลไว้ จึงเกิด หลักสูตรการทำงานด้วยสุนทรียะสมาธิ ที่เป็นฐานใจขึ้น เพื่อทำให้พนักงานสมดุลระหว่าง กายและใจ ได้อย่างเหมาะสม อย่างไม่สุดโต่งทางใดทางหนึ่ง

           ทั้งนี้หลักการทำสมาธิจะช่วยให้เกิดการผ่อนคลาย แต่ไม่ผ่อนแรงในการทำงาน พนักงานจะสามารถรู้ศักยภาพของตัวเองว่าควรทำสุดความสามารถแค่ไหน และควรพักผ่อนแค่ไหน จะเป็นการสมดุลระหว่างงานและชีวิตตัวเองหรือครอบครัวได้อย่างลงตัว

yoga-1284658__180