achievement-3387293__340

หลักสูตร ทักษะที่จำเป็นของหัวหน้างาน (Supervisory Skills)

หลักสูตร ทักษะที่จำเป็นของหัวหน้างาน (Supervisory Skills)
การเป็นหัวหน้างานยุคใหม่ที่จะประสบความสำเร็จตามที่ได้วางไว้ได้อย่างดี มีองค์ประกอบมากมายที่จะนำมาพิจารณาการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย และไปในทิศทางเดียวกันนั้นจะใช้ความรู้ความสามารถเพียงด้านเดียวคงจะไม่พอต่อการถึงจุดหมายปลายทาง

การพัฒนาระดับความสามารถ (Quotient) ในด้านต่างๆ ของหัวหน้างานยุคใหม่นั้นจึงเป็นประเด็นที่สำคัญที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิต และส่งให้ชีวิตการทำงานดีขึ้นไปด้วยจึงจะเรียกว่า การเป็นผู้นำและนักบริหารมืออาชีพ รวมทั้งหัวหน้างานยุคใหม่ต้องเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำพาทีมงานไปสู่เป้าหมายขององค์กรที่วางไว้

การเปลี่ยนแปลงในโลกยุคปัจจุบัน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่าง รวดเร็ว กว้างขวาง และมีผลกระทบต่อทุกภาคส่วนในสังคม รวมถึงทุกองค์กร ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย  สามารถแข่งขันได้ และดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน

สิ่งสำคัญที่เปรียบเสมือนเป็นการเสริมสร้างทางการพัฒนาให้องค์กร คือ การที่หัวหน้างานมีทักษะของผู้นำยุคใหม่และการสร้างทีมงานที่มีการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน มีบุคลากรที่มีทักษะทางการคิดและการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่อยู่เสมอ

ดังนั้นการฝึกคนในองค์กรให้มีความคิดเชิงสร้างสรรค์และสรรหานวัตกรรมใหม่ ถือได้ว่าเป็นกุญแจไขไปสู่การปรับปรุงและพัฒนางานอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญ รองรับการพัฒนาองค์กรทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งหลักสูตรนี้จะช่วยให้หัวหน้างานได้ฝึกฝนทักษะต่างๆ เหล่านั้น โดยเน้นการฝึกคิดออกจากกรอบประสบการณ์เดิมและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้จริง

กระบวนการทำงานแนวใหม่ จะช่วยให้หัวหน้างานสามารถจัดการกับความคิดได้อย่างมีระบบ มีแบบแผนทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพในทุกๆ ด้านในที่สุด เพราะฉะนั้นหัวหน้างานยุคใหม่จึงต้องเข้าใจภาวะผู้นำในยุคใหม่ และการสร้างทีมงานที่มีคุณภาพ เพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจและให้ธุรกิจยั่งยืนต่อไป

 

 

การพัฒนาหัวหน้างานยุคใหม่ ให้มีภาวะผู้นำนั้น จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับ ทั้ง 4 ด้าน  อันได้แก่

 

1.มีความรู้ความสามารถในงานและการจัดการแก้ไขปัญหา
2.มีทักษะการคิดเชิงกลยุทธ์
3.มีการพัฒนาทักษะภาวะผู้นำและการสร้างทีมงานที่มีคุณภาพ

4.มีภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลงและการสร้างนวัตกรรมได้

 

หัวหน้างานยุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีภาวะผู้นำและการสร้างานทีมงานที่มีคุณภาพ จะทำให้รู้จักตัวเอง, รู้จักพนักงาน, รู้จักองค์กรและมีทัศนคติเชิงบวก ทำให้การบริหารงานและทีมงานได้ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างสัมฤทธิผลสำคัญโดยง่าย และเมื่อพัฒนาทีมงานโดยจัดการทำเอง จัดการพนักงาน จัดองค์การให้เหมาะสมและบริหารอย่างสร้างสรรค์แล้ว ก็จะกลายเป็นผู้นำและนักบริหารมืออาชีพที่ทรงคุณค่า

การพัฒนาระดับความสามารถในด้านต่างๆ ที่สำคัญ ของหัวหน้างานยุคใหม่นั้น จึงเป็นแนวทางที่องค์กรส่วนใหญ่อยากให้เกิดขึ้นกับผู้นำในองค์กรของตัวเองโดยการทำให้ผู้นำมี 5Q ที่สูงขึ้น

 

IQ : ทักษะการคิดแก้ปัญหาอย่างฉลาด

EQ : การจัดการอารมณ์เชิงลบของตัวเอง

AQ : การเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นโอกาสที่ท้าทาย

OQ : การแสดงผลงานที่มีคุณค่า

UQ : การเป็นบุคคลที่มีจริยธรรมอันดี

 

การประยุกต์ใช้แนวทางบริหารจัดการ Q (Quotient) ต่างๆ กับเป้าหมายในชีวิตหรืองานที่ได้รับ รวมถึงสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน ย่อมทำให้ผู้นำสามารถพิชิตเป้าหมายของตัวเอง และมีความสัมพันธ์ที่มีต่อบุคคลรอบข้าง  รวมถึงการเป็นผู้นำที่มีจิตใจที่ดีขององค์กรและเข้าใจภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลงและการสร้างนวัตกรรมได้เป็นอย่างดี จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

การเรียนรู้และนำแนวทางไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างเข้าใจแนวทาง 5Q นั้น จะทำให้ผู้นำได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่แล้วอย่างเต็มที่และเต็มกำลัง นั่นก็หมายความว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติงานของแต่ละบุคคลที่ดีขึ้น จึงทำให้เกิดผลงานที่มีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

โดยที่ Q แต่ละตัวจะสอดคล้องกันและทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยมีหลักของสมาธิเข้าไปเป็นพื้นฐานของสิ่งเหล่านี้จะทำให้เป็น 5Q แบบยั่งยืนแล้วเป็นต้นแบบเพื่อองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ได้นำไปปรับใช้ให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรตัวเอง

 

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้สร้างมุมมองการอยู่ร่วมกันที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยกของผู้นำ โดยรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการคิด เพิ่มประสิทธิผลของการสื่อสาร และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตนเองกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างลงตัว
  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เกิดการเรียนรู้กระบวนการของ 5Q ของผู้นำที่ดีที่มีภาวะของผู้นำ และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีรูปแบบและเห็นผล มีมุมมองปัญหาและอุปสรรคของงานที่เจออยู่ด้วยมุมมองใหม่ๆ สามารถนำวิธีการ 5Q ของผู้นำมาใช้ในการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม
  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจหลักการบริหารทีมที่จะให้กลายเป็นสุดยอดทีมพร้อมทั้งการสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน
  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพของผู้นำ และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข อันได้แก่ การละลายพฤติกรรมระหว่างหัวหน้างานและลูกน้อง
  5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ค้นพบ “ตัวตน” ของผู้นำในแบบฉบับที่แท้จริงของตนเอง สามารถนำพาตนเองและองค์กรที่มีความหลากหลายไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้
  6. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจหลักของ 5Q ผ่านกิจกรรมดังต่อไปนี้
    • สนุกกับการใช้ IQ (Intelligence Quotient) แก้ปัญหาต่างๆ
    • พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ EQ (Emotional Quotient)
    • ก้าวข้ามอุปสรรค AQ (Adversity Quotient) อย่างกล้าหาญ
    • แสดงผลงานอย่างมีคุณค่าด้วยความเป็นเจ้าของ OQ (Optimist Quotient)
    • พัฒนาตนเองเพื่ออยู่ร่วมกับสังคม UQ (Unity Quotient)  อย่างมีความสุข

 

ลักษณะของการอบรม

เป็นการเรียนรู้เนื้อหาวิชาการ ผ่าน Work Shop และกิจกรรมต่างๆ โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า 5Q (IQ EQ OQ AQ UQ ) และ OD ที่หลากหลายประเภทผสมผสานกัน เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาทางวิชาการให้เข้าใจได้ง่าย สามารถนำไปปรับใช้กับการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

วิธีการ

  1. บรรยายเนื้อหาวิชาการประกอบการทำ Work Shop และกิจกรรมกลุ่ม ในอัตราส่วน เนื้อหาวิชาการ 70 : Work Shop กิจกรรม 30
  2. การใช้เครื่องมือทางด้าน 5Q และ OD tools และเทคนิคการฝึกอบรมหลายประเภท เช่น
  • Ai (Appreciative Inquiry)
  • Dialogue สุนทรียะสนทนา
  • เกมพฤติกรรม
  • Work Shop
  • การระดมความคิดด้วย 5Q
  • Clip VDO และอื่นๆ

 หัวข้อสำคัญในการเรียนรู้

  • หลักและวิธีการจัดการงานและคนอย่างมีประสิทธิภาพด้วย 5Q
    • ใครคือคนที่องค์กรต้องการ
    • บทบาทหน้าที่ของหัวหน้างาน
    • ทฤษฎีพฤติกรรมมนุษย์เพื่อการจัดการ (การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน)
  • Teamwork (การทำงานเป็นทีม)
  • Achievement Motivation (แรงจูงใจสู่ความสำเร็จ)
  • Accountability (ความรับผิดชอบอย่างผู้นำ) ซึ่งประกอบไปด้วย
  • มีวิสัยทัศน์ (Visioning Goal Setting & Leading others )
  • มีทักษะการจัดการกับการเปลี่ยนแปลง (Change Management Skills)
  • สอนงานเป็นและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ (Coaching & Develop others)
  • มีแนวกรอบแนวคิดในการทำงาน (Conceptual Thinking)
  • มีทักษะการบริหารจัดการทรัพยากรของ (Resource Management Skill)
  • กล้าตัดสินใจ (Decision Making)
  • มีทักษะการบริหารจัดการลูกน้อง (People Management Skills)
  • สามารถจูงใจลูกน้องได้ (Motivate Subordinate)
  • การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)
  • การบริหารความขัดแย้งภายในองค์กร (Conflict Management)

 

  • Continuous Learning (การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง)
  • Creativity (ความคิดสร้างสรรค์)
    • เรียนรู้คน จากโมเดลผู้นำ 4 ทิศ

 

  • การสร้างแรงผลักดันให้ลูกน้องทำงานและมุ่งมั่นทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
    • ทฤษฎีการสร้างแรงจูงใจ ในการทำงาน
  • เรียนรู้ทักษะการบริหารจัดการงานโดยสามารถวางแผนงานที่รับมอบหมาย สั่งงาน ติดตาม ความคุม และแก้ไข ปัญหาเบื้องต้น และรายงานผู้บังคับบัญชาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

หัวข้อ (Topics) ประเด็นสำคัญในการเรียนรู้ (Key Points)
ช่วงที่ 1 รู้คน ·       ละลายพฤติกรรม ทำความรู้จัก Open Mind

·       นำเข้าสู่เนื้อหาหลักสูตรภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลงและการสร้างนวัตกรรม

·       5Q คืออะไร

·       การพัฒนาตนเองเพื่อเสริมสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีด้วย 5Q

·       รู้จักตนเองเพื่อเข้าใจผู้อื่นด้วย 5Q

·       ใครคือคนที่องค์กรต้องการ?

·       บทบาทหน้าที่ของหัวหน้างาน

·       ทฤษฎีพฤติกรรมมนุษย์เพื่อการจัดการ

·       Work Shop เรียนรู้คน จากโมเดลสัตว์ 4 ทิศ

 

ช่วงที่ 2 : รู้งาน (เข้าใจงาน) Work Shop 1 (การมองปัญหาด้วย 5Q)

·       ทฤษฎีแรงจูงใจเพื่อการจัดการ

·       เรียนรู้วงจรเดมิง Deming Cycle/วงจรชูฮาร์ต (Shewhart Cycle) คือวงจรการควบคุมคุณภาพ

ช่วงที่ 3: รู้งาน (เข้าถึงงาน) Work Shop2 (การแก้ปัญหาด้วย 5Q)

·       การทำงานแบบ โฮ (HO) เรน (REN) โซ (SOU)การรายงาน-การติดต่อ-การปรึกษา

·       การวางแผน

·       การมอบหมายสั่งงาน

ช่วงที่ 4 : รู้ความต้องการขององค์กร ช่วงที่ 4 : รู้ความต้องการขององค์กร

·       อะไรคือสิ่งที่องค์กรต้องการ

·       สรุปประเด็นสำคัญและเข้าทำความเข้าใจการบริหารแบบ 5Q อย่างลึกซึ้ง

·       Q&A พร้อมแลกเปลี่ยน แชร์ประสบการณ์จริงจากวิทยากร

·       สร้างคุณค่าการทำงานร่วมกัน Commitment อำลา

·       การประยุกต์กับการทำงานได้อย่างสัมฤทธิผลด้วย 5Q

·       ทัศนคติที่ดีในการทำงาน

·       Work Shop

·       ผ่านกิจกรรมกลุ่ม 4-5 กิจกรรม

·       ระดมสมอง และแชร์ความคิดเรื่องภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลงและการสร้างนวัตกรรม

 

 

 

 

 

 

 

ประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกอบรม

 

1.ผู้เข้าอบรมได้สร้างมุมมองการอยู่ร่วมกันที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยกของผู้นำ โดยรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการคิด เพิ่มประสิทธิผลของการสื่อสาร และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตนเองกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างลงตัว

2.ผู้เข้าอบรมได้เกิดการเรียนรู้กระบวนการของ 5Q ของผู้นำที่ดีที่มีภาวะของผู้นำ และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีรูปแบบและเห็นผล มีมุมมองปัญหาและอุปสรรคของงานที่เจออยู่ด้วยมุมมองใหม่ๆ สามารถนำวิธีการ 5Q ของผู้นำมาใช้ในการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม

3.ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจหลักการบริหารทีมที่จะให้กลายเป็นสุดยอดทีมพร้อมทั้งการสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน

4.ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพของผู้นำ และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข อันได้แก่ การละลายพฤติกรรมระหว่างหัวหน้างานและลูกน้อง

5.ผู้เข้าอบรมได้ค้นพบ “ตัวตน” ของผู้นำในแบบฉบับที่แท้จริงของตนเอง สามารถนำพาตนเองและองค์กรที่มีความหลากหลายไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้

6.ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจหลักของ 5Q ผ่านกิจกรรมดังต่อไปนี้

  • สนุกกับการใช้ IQ (Intelligence Quotient) แก้ปัญหาต่างๆ
  • พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ EQ (Emotional Quotient)
  • ก้าวข้ามอุปสรรค AQ (Adversity Quotient) อย่างกล้าหาญ
  • แสดงผลงานอย่างมีคุณค่าด้วยความเป็นเจ้าของ OQ (Optimist Quotient)
  • พัฒนาตนเองเพื่ออยู่ร่วมกับสังคม UQ (Unity Quotient) อย่างมีความสุข

 

 

รูปแบบหลักสูตร

1.การบรรยาย                                                      30 %

2.เกมส์ / กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop    70%

 

smiley-1041796__340

หลักสูตร EQ กับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Emotional Quotient for Success)

หลักสูตร EQ กับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Emotional Quotient for Success)

 

หลักการและเหตุผล

EQ คืออะไร?

องค์การที่ประสบความสำเร็จ ย่อมมาจากความสำเร็จในการทำงานของพนักงาน องค์กรจึงมีหน้าที่ส่งเสริม ให้พนักงานมีความรู้ความสามารถในการทำงาน แต่ความรู้อย่างเดียวยังไม่เพียงพอ เพราะเขาต้องทำงานร่วมกับคนอื่นๆ แผนกอื่นๆ  ดังนั้น การพัฒนาให้พนักงานมี”ความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์” หรือที่เรียกว่า EQ (Emotional Intelligence) จึงมีความจำเป็นที่จะทำให้พนักงานทำงานร่วมกันได้อย่างกลมกลืน

ความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ (EQ  Emotional Quotient) เป็นความสามารถประเภทหนึ่งที่มีความสำคัญของมนุษย์ในด้านอารมณ์ความรู้สึก ที่จะกำหนดพฤติกรรมการทำงานให้เป็นเลิศได้ รู้จักควบคุมอารมณ์ และบริหารจัดการอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ พนักงาน มีการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการทำงานเป็นทีมที่เรียกว่า“ทีมเวิร์ค จะทำให้เกิดความร่วมมือร่วมใจจากพนักงาน การทำงานร่วมกันเป็นเงื่อนไขแห่งความสำเร็จของการทำงานให้บรรลุถึงเป้าหมายด้วยความราบรื่น ต้องอาศัยคุณลักษณะที่เรียกว่า ความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์

ความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์นั้นใด้แก่การมองโลกด้านบวก การรู้จักตนเอง การเข้าใจเห็นใจผู้อื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรา อันเป็นปัจจัยที่จะนำไปสู่ความสำเร็จใน การทำงาน EQ.จำเป็นต้องมุ่งเน้นในการควบคุมตนเอง โดยเฉพาะอารมณ์ของตนให้เอื้อต่อความสำเร็จในการทำงาน

การพัฒนาระดับความสามารถในด้านต่างๆ ที่สำคัญ (EQ) ของแต่ละบุคคลด้วยตัวเอง จึงเป็นแนวทางที่องค์กรส่วนใหญ่อยากให้เกิดขึ้นกับบุคลากรในองค์กรของตัวเอง โดยการทำให้บุคลากรมี EQ ที่สูงขึ้น โดยที่ EQ : ความฉลาดทางด้านอารมณ์ จะเป็นตัวเชื่อมต่อกับ Q อื่น อันได้แก่

IQ : ทักษะการคิดแก้ปัญหาอย่างฉลาด

AQ : การเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นโอกาสที่ท้าทาย

OQ : การแสดงผลงานที่มีคุณค่า

UQ : การเป็นบุคคลที่มีจริยธรรมอันดี

การประยุกต์ใช้แนวทางบริหารจัดการด้วย EQ กับเป้าหมายในชีวิตหรืองานที่ได้รับ รวมถึงสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน ย่อมทำให้บุคคลสามารถพิชิตเป้าหมายของตัวเอง และมีความสัมพันธ์ที่มีต่อบุคคลรอบข้าง รวมถึงการเป็นบุคลากรที่มีจิตใจที่ดีขององค์กร จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

การเรียนรู้และนำแนวทางไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างเข้าใจแนวทาง EQ นั้น จะทำให้บุคลากรได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่แล้วอย่างเต็มที่และเต็มกำลัง นั่นก็หมายความว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติงานของแต่ละบุคคลที่ดีขึ้น จึงทำให้เกิดผลงานที่มีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

โดยที่ EQ นั้นจะใช้ร่วมกับ Q อีก 4 ตัว และสอดคล้องกันและทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยมีหลักของสมาธิเข้าไปเป็นพื้นฐานของสิ่งเหล่านี้จะทำให้เป็น 5Q แบบยั่งยืนแล้วเป็นต้นแบบเพื่อองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ได้นำไปปรับใช้ให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรตัวเอง

 

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้สร้างมุมมองการอยู่ร่วมกันที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยก โดยรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการคิด เพิ่มประสิทธิผลของการสื่อสาร และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตนเองกับผู้อื่นได้อย่างลงตัว สามารถประยุกต์ใช้ EQ กับการทำงานเพื่อการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น
  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เกิดการเรียนรู้กระบวนการของ EQ และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีรูปแบบและเห็นผล มีมุมมองปัญหาและอุปสรรคของงานที่เจออยู่ด้วยมุมมองใหม่ๆ สามารถนำวิธีการของตนเองมาใช้ในการแก้ปัญหาได้อย่างเป็นอัตโนมัติ
  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ปรับบุคลิกภาพให้เข้ากับผู้อื่นอย่างเหมาะสมโดยใช้ EQ
  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วย EQ
  5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ทดลองปฏิบัติผ่าน Workshop: กำหนดแนวทางพัฒนา EQ ของตนเอง
  6. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ ฝึกปฏิบัติ ความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ ด้านการสื่อสารที่สามารถลดความขัดแย้งระหว่างบุคคล

 ลักษณะของการอบรม

เป็นการเรียนรู้เนื้อหาวิชาการ ผ่าน Work Shop และกิจกรรมต่างๆ โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า 5Q (IQ EQ OQ AQ UQ ) และ OD ที่หลากหลายประเภทผสมผสานกัน เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาทางวิชาการให้เข้าใจได้ง่าย สามารถนำไปปรับใช้กับการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการ

บรรยายเนื้อหาวิชาการประกอบการทำ Work Shop และกิจกรรมกลุ่ม ในอัตราส่วน เนื้อหาวิชาการ 30 % : Work Shop กิจกรรม 70 %

การใช้เครื่องมือทางด้าน EQ และ OD tools และเทคนิคการฝึกอบรมหลายประเภท เช่น

  • Ai (Appreciative Inquiry)
  • Dialogue สุนทรียะสนทนา
  • เกมพฤติกรรม
  • Work Shop
  • การระดมความคิดด้วย EQ
  • Clip VDO และอื่นๆ

 

หัวข้อสำคัญในการเรียนรู้

  • ความสำคัญและความหมายของความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์
  • องค์ประกอบทางจิตวิทยาของความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์
  • การสร้างความไว้วางใจ การสร้างสัมพันธ์ เพื่อบริหารความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์
  • คุณสมบัติของผู้ที่มีความสำเร็จในชีวิตจากผลงานวิจัย
  • การพัฒนา EQ
  • การเสริมสร้างความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
  • การทดสอย EQ
  • หลักและวิธีการจัดการงานและคนอย่างมีประสิทธิภาพด้วย EQ
  • แบบทดสอบสัตว์สี่ทิศและความหมายของ EQ
  • ใครคือคนที่องค์กรต้องการ
  • บทบาทหน้าที่ของตัวเอง
  • ทฤษฎีพฤติกรรมมนุษย์เพื่อการจัดการ
  • เรียนรู้คน จากโมเดลผู้นำ 4 ทิศ
  • การสร้างแรงผลักดันให้ลูกน้องทำงานและมุ่งมั่นทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
  • ทฤษฎีการสร้างแรงจูงใจ ในการทำงาน
  • การประยุกต์กับการทำงานได้อย่างสัมฤทธิผลด้วย EQ
  • ทัศนคติที่ดีในการทำงาน
  • Work Shop
  • ผ่านกิจกรรมกลุ่ม 4-5 กิจกรรม In house
  • ระดมสมอง และแชร์ความคิด

 

ความหลากหลายของกิจกรรม

– รู้จักตนเองเพื่อเข้าใจผู้อื่นด้วย EQ

– ความแตกต่างของเจนเนอเรชัน (generations’ differences)

– เราเป็นค่าเฉลี่ยของคน 5 คน ที่เราใกล้ชิดมากที่สุด

–  การพัฒนาตนเองเพื่อเสริมสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีด้วย EQ

–  เรียนรู้การทำงานของสมอง

– คิดด้วยสมอง…ทำด้วยใจ

– ความหมายที่แท้จริงของชีวิต

– Dialogue (พูดคุยกันแบบสบาย ๆ ในกิจกรรมที่ผ่านมา)

– คนเราแตกต่างกันอย่างไร? และเราจะได้ประโยชน์จากความเข้าใจความแตกต่างนั้นได้อย่างไร?

 

ประโยชน์ที่ผู้เข้าอบรมได้รับ

  1. ผู้เข้าอบรมได้สร้างมุมมองการอยู่ร่วมกันที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยก โดยรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการคิด เพิ่มประสิทธิผลของการสื่อสาร และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตนเองกับผู้อื่นได้อย่างลงตัว สามารถประยุกต์ใช้ EQ กับการทำงานเพื่อการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น
  2. ผู้เข้าอบรมได้เกิดการเรียนรู้กระบวนการของ EQ และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีรูปแบบและเห็นผล มีมุมมองปัญหาและอุปสรรคของงานที่เจออยู่ด้วยมุมมองใหม่ๆ สามารถนำวิธีการของตนเองมาใช้ในการแก้ปัญหาได้อย่างเป็นอัตโนมัติ
  3. ผู้เข้าอบรมได้ปรับบุคลิกภาพให้เข้ากับผู้อื่นอย่างเหมาะสมโดยใช้ EQ
  4. ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วย EQ
  5. ผู้เข้าอบรมได้ทดลองปฏิบัติผ่าน Workshop: กำหนดแนวทางพัฒนา EQ ของตนเอง
  6. ผู้เข้าอบรมได้ ฝึกปฏิบัติ ความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ ด้านการสื่อสารที่สามารถลดความขัดแย้งระหว่างบุคคล

 

ใครควรเข้าร่วม?

  • บุคคลทั่วไปที่ต้องการเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของตนเอง และผู้อื่น
  • บุคคลทั่วไปที่ต้องการเตรียมพร้อมสู่การเป็นหัวหน้างาน
  • ผู้บริหาร หัวหน้างาน ระดับปฏิบัติงาน ที่ต้องการพัฒนาตนเอง

 

รูปแบบหลักสูตร

การบรรยาย                                                     30 %

เกมส์ / กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop   70%

 

ผลสัมฤทธิ์ที่จะได้ (Outcomes)

         บุคคล :

  • เรียนรู้ เข้าใจธรรมชาติและพื้นฐานของตนเอง และผู้อื่นด้วย EQ
  • เข้าใจตนเองและผู้อื่นด้วยแบบทดสอบสัตว์สี่ทิศและ EQ
  • สามารถใช้ 5Q เรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข
  • เข้าใจวิธีลดความตึงเครียดในการทำงานร่วมกันด้วย EQ
  • สามารถนำความรู้เรื่อง EQ ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมีความสุข

 

ครอบครัว :

  • ได้ผู้นำครอบครัวและสมาชิกของครอบครัวที่เข้าใจธรรมชาติและพื้นฐานของตนเองและคนในครอบครัวด้วย EQ
  • จุดประกายความเข้าใจภายในครอบครัว เปิดใจ เอื้ออาทร ห่วงใยดูแลและรับฟังกันมากขึ้นเพราะมี EQ
  • สมาชิกในครอบครัวรู้จักบทบาทและหน้าที่ของตนเองอย่างเอื้ออาทรกันและกัน
  • สมาชิกในครอบครัวมีความรัก ความเข้าใจ
  • ประชาธิปไตยและเสรีภาพบนความรับผิดชอบร่วมกันเริ่มต้นที่ในบ้าน

 

องค์กร :

  • ได้พนักงานที่มีทัศนคติเชิงบวกในการทำงานด้วย EQ
  • พนักงานมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น
  • นโยบายขององค์กรถูกขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติได้เร็วขึ้น
  • ได้รับการยอมรับในเรื่ององค์กรยุคใหม่ใส่ใจในทุกๆ ด้านของผู้ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรทั้งหมด (ผู้ถือหุ้น ผู้บริหาร พนักงาน ผู้ผลิตวัตถุดิบให้เรา ลูกค้าเรา และสิ่งแวดล้อมที่องค์กรเราอยู่ร่วมด้วย)
  • ผลกำไรที่ยั่งยืน ส่งผลทำให้ผู้ถือหุ้น ผู้บริหาร พนักงาน ผู้ผลิตวัตถุดิบให้เรา ลูกค้าเรา และสิ่งแวดล้อมที่องค์กรเราอยู่ร่วมด้วย อยู่กันอย่างเกื้อกูล
  • เป็นองค์กรที่มีความสำเร็จและความสุข
DISC

หลักสูตร DISC สำหรับหัวหน้างาน (DISC for Leadership)

หลักสูตร DISC สำหรับหัวหน้างาน (DISC for Leadership)

การเป็นหัวหน้างานยุคใหม่ที่จะประสบความสำเร็จตามที่ได้วางไว้ได้อย่างดี มีองค์ประกอบมากมายที่จะนำมาพิจารณาการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย และไปในทิศทางเดียวกันนั้นจะใช้ความรู้ความสามารถเพียงด้านเดียวคงจะไม่พอต่อการถึงจุดหมายปลายทาง

การพัฒนาระดับความสามารถ ในด้านต่างๆ ของหัวหน้างานยุคใหม่นั้นจึงเป็นประเด็นที่สำคัญที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิต และส่งให้ชีวิตการทำงานดีขึ้นไปด้วยจึงจะเรียกว่า การเป็นผู้นำและนักบริหารมืออาชีพ รวมทั้งหัวหน้างานยุคใหม่ต้องเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง เพราะตระหนักรู้ว่าถ้าเราไม่ยอมปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงยากที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจ

หลักสูตรนี้ได้นำเอาหลักของ DISC มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยให้ผู้เข้าอบรมเกิดความเข้าใจในคุณลักษณะ พฤติกรรมการแสดงออกทั้งของตนเองและของบุคคลอื่น ซึ่งจะนำไปสู่ การยอมรับตนเอง รับรู้ เข้าใจถึงความแตกต่างและความถนัดของบุคคลในแต่ละคุณลักษณะ เข้าใจถึงสิ่งที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการแสดงออกของแต่ละคุณลักษณะบุคคล  สามารถนำเอาหลักการและความเข้าใจเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนเอง ปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นและสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม เพิ่มทักษะในการพัฒนาขีดความสามารถของทีมงาน ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างบุคคล สร้างแนวทางการครองใจสมาชิกในทีมด้วยรูปแบบที่เหมาะสมของตนเอง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตนเองและของทีมงานจากการที่ทุกคนในทีมมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน รู้แนวทางความถนัดของสมาชิกในทีม เกิดความสามัคคีร่วมมือร่วมใจ สร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลอื่นได้อย่างสัมฤทธิ์ผล

 

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้สร้างมุมมองการอยู่ร่วมกันที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยกของผู้นำ โดยรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น ด้วยรูปแบบของกลุ่มพฤติกรรมที่แตกต่างกัน – DISC Model
  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ช่วยค้นหาจุดเด่น และสิ่งที่ควรพัฒนา เป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาตนเองของผู้นำที่ดี ให้มีภาวะของผู้นำ
  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ปรับบุคลิกภาพของผู้นำให้เข้ากับผู้อื่นอย่างเหมาะสม
  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพของผู้นำ และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขด้วยหลักของ DISC
  5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจว่าการมีจุดร่วม และสงวนจุดต่างของผู้นำและการอยู่ร่วมกันในการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข และบรรลุเป้าหมายขององค์กรร่วมกันนั้นสำคัญมาก
  6. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ค้นพบ “ตัวตน” ของผู้นำในแบบฉบับที่แท้จริงของตนเอง ด้วย DISC Model อีกทั้งสามารถนำพาตนเองและองค์กรที่มีความหลากหลายไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจําวันและการทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ลักษณะของการอบรม

เป็นการเรียนรู้เนื้อหาวิชาการ ผ่าน Work Shop และกิจกรรมต่างๆ โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า DISC Model และ OD ที่หลากหลายประเภทผสมผสานกัน เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาทางวิชาการให้เข้าใจได้ง่าย สามารถนำไปปรับใช้กับการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

วิธีการ

  1. บรรยายเนื้อหาวิชาการประกอบการทำ Work Shop และกิจกรรมกลุ่ม
  2. การใช้เครื่องมือ DISC Model และ OD tools และเทคนิคการฝึกอบรมหลายประเภท เช่น
  • Ai (Appreciative Inquiry)
  • Dialogue สุนทรียะสนทนา
  • เกมพฤติกรรม
  • Work Shop
  • Clip VDO และอื่นๆ

 

 หัวข้อสำคัญในการเรียนรู้

  • หลักและวิธีการจัดการงานและคนอย่างมีประสิทธิภาพด้วย DISC Model
    • แนวคิดเรื่องพฤติกรรมมนุษย์และการแสดงออก
    • ความหมายของ D-I-S-C และความสำคัญในการเข้าใจเรื่อง D-I-S-C
    • ประเภทของพฤติกรรมมนุษย์ในรูปแบบต่างๆ
    • ศึกษากรณีศึกษาของบุคคลต่างๆ กับพฤติกรรมการแสดงออกของเขา
    • สาเหตุของความแตกต่างของมนุษย์
    • การสำรวจบุคลิกความแตกต่างของพฤติกรรมแต่ละคน
    • การค้นหาความแตกต่างของแต่ละคน
    • การสื่อสารและการแสดงออกของคนในแต่ละประเภท
    • การประยุกต์ใช้ D-I-S-C กับอิริยาบถของการทำงาน
    • การจัดทำ Work Shop

 

  • ทฤษฎีพฤติกรรมมนุษย์เพื่อการจัดการ (การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน)
  • Teamwork (การทำงานเป็นทีม)
  • Achievement Motivation (แรงจูงใจสู่ความสำเร็จ)
  • Accountability (ความรับผิดชอบอย่างผู้นำ) ซึ่งประกอบไปด้วย
  • มีวิสัยทัศน์ (Visioning Goal Setting & Leading others )
  • มีทักษะการจัดการกับการเปลี่ยนแปลง (Change Management Skills)
  • สอนงานเป็นและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ (Coaching & Develop others)
  • กล้าตัดสินใจ (Decision Making)
  • มีทักษะการบริหารจัดการลูกน้อง (People Management Skills)
  • สามารถจูงใจลูกน้องได้ (Motivate Subordinate)

 

  • Continuous Learning (การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง)
  • Creativity (ความคิดสร้างสรรค์)

 

ประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกอบรม

 

1.ผู้เข้าอบรมได้สร้างมุมมองการอยู่ร่วมกันที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยกของผู้นำ โดยรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น ด้วยรูปแบบของกลุ่มพฤติกรรมที่แตกต่างกัน – DISC Model

2.ผู้เข้าอบรมได้ช่วยค้นหาจุดเด่น และสิ่งที่ควรพัฒนา เป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาตนเองของผู้นำที่ดี ให้มีภาวะของผู้นำ

3.ผู้เข้าอบรมได้ปรับบุคลิกภาพของผู้นำให้เข้ากับผู้อื่นอย่างเหมาะสม

4.ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพของผู้นำ และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขด้วยหลักของ DISC

5.ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจว่าการมีจุดร่วม และสงวนจุดต่างของผู้นำและการอยู่ร่วมกันในการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข และบรรลุเป้าหมายขององค์กรร่วมกันนั้นสำคัญมาก

6.ผู้เข้าอบรมได้ค้นพบ “ตัวตน” ของผู้นำในแบบฉบับที่แท้จริงของตนเอง ด้วย DISC Model อีกทั้งสามารถนำพาตนเองและองค์กรที่มีความหลากหลายไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจําวันและการทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

กลุ่มเป้าหมาย

ผู้บริหาร, ผู้จัดการ, หัวหน้างาน, พนักงานทั่วไป และผู้ที่ต้องการพัฒนาตัวเอง

 

วิธีการอบรม

การบรรยาย/กิจกรรมกลุ่ม, เดี่ยว/ ทำแบบ Assessment /Clip VDO

 

รูปแบบหลักสูตร

1.การบรรยาย                                                          40 %

2.เกมส์ / กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop    60%