face-205563__340

หลักสูตร: สุนทรียะสนทนา การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพเพื่อความสำเร็จในงานและชีวิต ( Dialogue to Success )

หลักสูตร: สุนทรียะสนทนา การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพเพื่อความสำเร็จในงานและชีวิต  ( Dialogue to Success )

 

           เป้าหมายสูงสุดของการบริหารงานได้แก่ การจัดการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานเพื่อบรรลุตามจุดมุ่งหมาย สูงสุดขององค์กร ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่และภารกิจที่สำคัญ ที่สุดของผู้บริหารที่จะต้องเรียนรู้ศาสตร์ในการ บริหารบุคคล ที่เน้นเรื่องการศึกษาพฤติกรรมบุคคล กลุ่มและองค์การ ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบ ต่อพฤติกรรมในองค์การ เพื่ออธิบาย ทำนายและควบคุมปรากฏการณ์ของการบริหารที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ความรู้ความเข้าใจแนวคิดเรื่องการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพของบุคคล จะช่วยให้ผู้บริหารรู้ถึงความต้องการของผู้ใต้บังคับบัญชาและพร้อมที่จะสร้างแรงจูงใจในการทำงานเพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาดังกล่าว ทำงานอย่างที่เรียกว่า “งานก็ได้ผล คนก็เป็นสุข” ที่ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จในการ บริหารงาน

             หลักสูตรนี้ ออกแบบ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพด้วยสุนทรียะสนทนา (Dialogue)  ในการทำงานอย่างมีความสุขและเกิดความรักในองค์กร และพร้อมที่จะเปิดใจเรียนรู้ พัฒนาทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาตนเองให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ทุกคนให้เกียรติ เห็นอกเห็นใจ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน

      การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพด้วยสุนทรียะสนทนา (Dialogue)  จะช่วยให้การทำงานนั้นเป็นไปอย่างมีความสุขและเกิดความรักในองค์กร โดยมีหลักแนวคิดของ 7Q มาเป็นเครื่องมือเพื่อใช้ในการเชื่อมต่อองค์ความรู้ต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างเหมาะสมและลงตัว ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันอีกทั้งยังได้เกิดแรงจูงใจในการทำร่วมกัน อย่างมีความสุขและมีจิตสำนึกในการรักองค์กร

         การสนทนาแบบ Dialogue เป็นการรับฟังวิธีคิด วิธีการให้คุณค่า ความหมายของคนอื่นต่อสิ่งที่พูด เพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ละทิ้งสิ่งที่แต่ละคนยึดถือ เพื่อผ่าข้ามพรมแดนแห่งตัวตนไปพร้อมๆกัน ด้วยเหตุที่มนุษย์มีความสามารถเฉพาะของอวัยวะรับสัมผัสที่แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ความสามารถของตา หู จมูก ลิ้น ผิวหนัง ของมนุษย์นั้น ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การที่มนุษย์มี ” ใจ ” หรือ “ สัมผัสที่หก ” ทำให้มนุษย์สามารถสัมผัสสิ่งรอบตัวได้ละเอียดลึกซึ้งกว่าสิ่งมีชีวิตแบบอื่นๆ

 

แนวคิดและหลักการเบื้องต้นของ Dialogue

       หลักการของ Dialogue คือ การพูดคุยกันโดยไม่มีหัวข้อ หรือวาระที่ตายตัวล่วงหน้า ไม่มีประธาน ไม่เหมือนการประชุมอย่างมีเป้าหมายเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน คนในวงสนทนาสามารถพูดอะไรก็ได้ ถามอะไรก็ได้ ส่วนคนอื่นๆ จะตอบหรือไม่ตอบก็ได้

      การเข้าไปในวง Dialogue ทุกคนต้องให้ความเคารพต่อบรรยากาศของความสงบ ปล่อยอารมณ์ให้ผ่อนคลาย พูดเรื่องอะไรก็ได้ ส่วนใหญ่จะหลีกเลี่ยงการแนะนำและการตอบคำถาม เพราะคำถามที่เกิดขึ้นเป็นคำตอบในตัวของมันเอง นอกจากนี้ Dialogue ไม่อนุญาตให้มีการโต้แย้ง หรือสนับสนุน จนเกิดการปะทะกันทางความคิด

      อีกประการหนึ่งคือ การฟังให้ได้ยิน โดยไม่พยายามใส่ใจว่า เสียงนั้นเป็นเสียงของใคร แค่กำหนดใจให้รู้ได้ว่าเสียงที่ได้ยินคือ เสียงของกัลยาณมิตรของเราคนหนึ่ง ที่ปรารถนาจะได้ยินได้ฟังแต่สิ่งดีๆ นอกจากนี้ ยังต้องเฝ้าสังเกตอารมณ์และความรู้สึกของตนเองในขณะที่ได้ยินเสียงต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาอาจเป็นเสียงของตนเอง เสียงของคนในวงสนทนา หรือเสียงจากธรรมชาติ อาจมีความคิดบางอย่างเกิดขึ้น วาบขึ้นมาในใจ และความคิดนั้นอาจถูกนำไปใช้ในการเริ่มต้นของการทำอะไรบางอย่างที่มีคุณค่าต่อตนเองและสังคมในอนาคตก็ได้

 

7Q คืออะไร?

     การดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จตามที่ได้วางไว้ได้อย่างดี มีองค์ประกอบมากมายที่จะนำมาพิจารณาการทำงานให้บรรลุเป้าหมายและไปในทิศทางเดียวกันนั้น จะใช้ความรู้ความสามารถเพียงด้านเดียวคงจะไม่พอต่อการถึงจุดหมายปลายทาง การพัฒนาระดับความสามารถ (Quotient) ในด้านต่างๆ ของแต่ละบุคคลจึงเป็นประเด็นที่สำคัญที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิต และส่งให้ชีวิตการทำงานดีขึ้นไปด้วย

     การพัฒนาระดับความสามารถในด้านต่างๆ ที่สำคัญ (7Q) ของแต่ละบุคคลด้วยตัวเอง จึงเป็นแนวทางที่องค์กรส่วนใหญ่อยากให้เกิดขึ้นกับบุคลากรในองค์กรของตัวเอง โดยการทำให้บุคลากรมี 7Q ที่สูงขึ้น โดยที่ 7Q นั้นประกอบไปด้วย

IQ (Intelligent Quotient) : ทักษะการคิดแก้ปัญหาอย่างฉลาด

EQ (Emotional Quotient) : การจัดการอารมณ์เชิงลบของตัวเอง

AQ (Adversity Quotient ) : การเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นโอกาสที่ท้าทาย

OQ (Optimist Quotient) : การแสดงผลงานที่มีคุณค่า

UQ (Unity Quotient) : การเป็นบุคคลที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย

CQ (Creativity Quotient) : ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ

PQ (Play Quotient): ความฉลาดที่เกิดจากการเล่น

 

      การประยุกต์ใช้แนวทางบริหารจัดการ Q (Quotient) ต่างๆ กับเป้าหมายในชีวิตหรืองานที่ได้รับ รวมถึงสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน ย่อมทำให้บุคคลสามารถพิชิตเป้าหมายของตัวเอง และมีความสัมพันธ์ที่มีต่อบุคคลรอบข้าง รวมถึงการเป็นบุคลากรที่มีจิตใจที่ดีขององค์กร จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

    การเรียนรู้และนำแนวทางไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างเข้าใจแนวทาง 7Q นั้น จะทำให้บุคลากรได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่แล้วอย่างเต็มที่และเต็มกำลัง นั่นก็หมายความว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติงานของแต่ละบุคคลที่ดีขึ้น  จึงทำให้เกิดผลงานที่มีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

   โดยที่ Q แต่ละตัวจะสอดคล้องกันและทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยมีหลักของสมาธิเข้าไปเป็นพื้นฐานของสิ่งเหล่านี้จะทำให้เป็น 7Q แบบยั่งยืนแล้วเป็นต้นแบบเพื่อองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ได้นำไปปรับใช้ให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรตัวเอง

 

วัตถุประสงค์

1.เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ตระหนักและเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเอง และเตรียมพร้อมที่จะเป็นพนักงานที่องค์กรต้องการ

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ทราบถึงแนวทางของ สุนทรียะสนทนา (Dialogue) และ 7Q เพื่อการทำงานที่มีความสุขและประสบความสำเร็จ

4.เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถสร้างแรงบันดาลใจและแรงจูงใจให้กับตนเองในการทำงานและการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจและพร้อมที่จะปรับปรุงพัฒนาตนเองอยู่เสมอด้วยสุนทรียะสนทนา (Dialogue)   และ 7Q

5.เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ข้อเด่น ข้อด้อยของตนเอง สามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติเรื่องการสื่อสารและพฤติกรรมในการทำงาน,การใช้ชีวิต ให้มีประสิทธิภาพและมีความสุข

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถดึงศักยภาพของการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ตนเองออกมาใช้ให้เต็มที่เต็มพลัง และสามารถปรับประยุกต์ใช้ในการทำงานได้อย่างสร้างสรรค์

 

 ลักษณะของการอบรม

         เป็นการเรียนรู้เนื้อหาวิชาการ ผ่าน Work Shop และกิจกรรมต่างๆ โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า 7Q (IQ EQ OQ AQ UQ CQ PQ) และ OD ที่หลากหลายประเภทผสมผสานกัน เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาทางวิชาการให้เข้าใจได้ง่าย สามารถนำไปปรับใช้กับการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการ

  1. บรรยายเนื้อหาวิชาการประกอบการทำ Work Shop และกิจกรรมกลุ่ม ในอัตราส่วน เนื้อหาวิชาการ 30 : Work Shop กิจกรรม 70
  2. การใช้เครื่องมือทางด้าน 7Q และ OD tools และเทคนิคการฝึกอบรมหลายประเภท เช่น
  • Ai (Appreciative Inquiry)
  • Dialogue สุนทรียะสนทนา
  • เกมพฤติกรรม
  • Work Shop
  • การระดมความคิดด้วย 7Q
  • Clip VDO และอื่นๆ

 

หัวข้อสำคัญในการเรียนรู้

  • หลักปฏิบัติ Dialogue
    • ฟังอย่างลึกซึ้ง ฟังให้ได้ยิน
    • มีความเป็นอิสระ และผ่อนคลาย
    • ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่มีผู้นำ และไม่มีผู้ตาม

 

  • การจัดการวงสนทนาที่ดี แบบ Dialogue
  • ใช้หลักของ SPEAKING
  • S Setting หมายถึง ฉาก สถานที่ และเวลาของการทำ Dialogue
  • P Process หมายถึง กระบวนการ Dialogue เป็นเรื่องของกระบวนการ (Process Determinism)
  • E Ends หมายถึง เป้าหมาย Dialogue ไม่อนุญาตให้แต่ละคนนำเป้าหมายส่วนตัว หรือวาระส่วนตัวเข้าไปใช้ นอกจากจะมีเป้าหมายเพื่อการฟัง
  • A Attitude หมายถึง การมีเจตคติที่ดีต่อคนอื่น มีจิตใจที่เปิดกว้าง มีความสุขที่ได้ยินได้ฟังและได้เรียนรู้จากผู้อื่น
  • K Key Actor หมายถึง คณะทำงานที่อยู่เบื้องหลัง ผู้ทำหน้าที่ประสานงาน สร้างฉาก และค้นหาผู้ที่เหมาะสมจะมานั่งพูดคุยกัน เพื่อวัตถุประสงค์ร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งจะรวมความถึง Facilitator
  • I Instrument หมายถึง เครื่องมือของ Dialogue คือ จะต้องช่วยลดทอนความเป็นทางการของการใช้ภาษาให้มากที่สุด หลีกเลี่ยงถ้อยคำแบบพิธีการ
  • N Norms of Interaction หมายถึงบรรทัดฐานของการปฏิสัมพันธ์ ซึ่งจะต้องมีความเท่าเทียมกัน ทั้งในแง่ของคำพูดและการปฏิบัติ
  • G Genre หมายถึง ประเภทของการพูดคุย Dialogue ไม่ใช่การพูดคุยแบบพิจารณาถกเถียงหรือโต้แย้ง ไม่ใช้การบรรยายไม่ใช่การประชุมที่มีประธานทำหน้าที่วินิจฉัย สั่งการ

 

  • หลักและวิธีการจัดการงานและคนอย่างมีประสิทธิภาพด้วย 7Q
    • ใครคือคนที่องค์กรต้องการ
    • บทบาทหน้าที่ของตัวเอง
    • ทฤษฎีพฤติกรรมมนุษย์เพื่อการจัดการ
    • เรียนรู้คน จากโมเดลผู้นำ 4 ทิศ
  • การสร้างแรงผลักดันให้ลูกน้องทำงานและมุ่งมั่นทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
    • ทฤษฎีการสร้างแรงจูงใจ ในการทำงาน
  • การประยุกต์กับการทำงานได้อย่างสัมฤทธิผลด้วย 7Q
  • ทัศนคติที่ดีในการทำงาน
  • Work Shop
    • ผ่านกิจกรรมกลุ่ม 4-5 กิจกรรม In house
    • ระดมสมอง และแชร์ความคิด

 

ประโยชน์ที่ได้รับ

  1. ผู้เข้าอบรมได้ตระหนักและเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเอง และเตรียมพร้อมที่จะเป็นพนักงานที่องค์กรต้องการ
  2. ผู้เข้าอบรมได้ทราบถึงแนวทางของ สุนทรียะสนทนา (Dialogue) และ 7Q เพื่อการทำงานที่มีความสุขและประสบความสำเร็จ
  3. ผู้เข้าอบรมสามารถสร้างแรงบันดาลใจและแรงจูงใจให้กับตนเองในการทำงานและการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจและพร้อมที่จะปรับปรุงพัฒนาตนเองอยู่เสมอด้วยสุนทรียะสนทนา (Dialogue) และ 7Q
  4. ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ข้อเด่น ข้อด้อยของตนเอง สามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติเรื่องการสื่อสารและพฤติกรรมในการทำงาน,การใช้ชีวิต ให้มีประสิทธิภาพและมีความสุข
  5. ผู้เข้าอบรมสามารถดึงศักยภาพของการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ตนเองออกมาใช้ให้เต็มที่ เต็มพลัง และสามารถปรับประยุกต์ใช้ในการทำงานได้อย่างสร้างสรรค์

 

 

 

 

ใครควรเข้าร่วม?

 ผู้บริหาร หัวหน้างาน ระดับปฏิบัติงาน ที่ต้องการพัฒนาตนเองด้วยสุนทรียะสนทนา (Dialogue)

 

 รูปแบบหลักสูตร

  1. การบรรยาย                                 30 %
  2. กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop             70%

 

people-2270641__340

หลักสูตร: การสร้างทัศนะคติและยกระดับประสิทธิภาพการทำงานร่วมกัน (Attitude Advance)

หลักสูตร: การสร้างทัศนะคติและยกระดับประสิทธิภาพการทำงานร่วมกัน (Attitude Advance)

 

สังคมแห่งการแข่งขันและการทำงานภายใต้สภาวะกดดันในปัจจุบัน ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในการทำงาน แม้เริ่มจากเรื่องเล็กๆ แต่หากเกิดการสะสมไม่ได้รับการแก้ไขที่ถูกต้อง ย่อมส่งผลให้เกิดความเสียหายต่างๆ ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อตัวพนักงาน ต่อทีมงาน และต่อองค์การในภาพรวมด้วย

ทัศนคติเชิงบวกเป็นทักษะที่สำคัญมาก ที่ช่วยในการปรับความคิดและมุมมองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น พนักงานที่มีทัศนคติที่ดี จะสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมั่นใจและพร้อมปรับเปลี่ยนวิธีการต่างๆ ให้ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสร้างสรรค์ สร้างประโยชน์ให้ทีมและองค์กรได้อย่างมากมาย นอกจากนั้น ประสิทธิภาพในการสื่อสาร ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การทำงานประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลว แทบปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “ความไม่เข้าใจ” ที่เกิดจากการสื่อสารที่ขาดประสิทธิภาพ แม้เริ่มจากเรื่องเล็กๆ หากปล่อยให้ถูกสะสมไปเรื่อยๆ สามารถก่อตัวเป็นสนิมกัดกร่อนจิตใจ สร้างความคับข้องหมองใจ เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ส่งผลเสียหายต่อความสัมพันธ์ในการทำงาน และสร้างปัญหาต่างๆ ตามมาได้มากมาย

หลักสูตรนี้ ออกแบบ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการทำงานด้วยทัศนคติที่ดี พร้อมเปิดใจเรียนรู้ พัฒนาทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาตนเองให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ทุกคนให้เกียรติ เห็นอกเห็นใจ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน

รวมทั้งการคิดบวก คิดสร้างสรรค์ และการมีทัศนคติที่ดีได้นั้น จะมีหลักแนวคิดของ 7Q มาเป็นเครื่องมือเพื่อใช้ในการเชื่อมต่อองค์ความรู้ต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างเหมาะสมและลงตัว ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความพร้อมในการกล้ารับมือ และผลักดันตัวเองไปสู่จุดหมาย แบบเชิงรุก (Proactive) แบบยั่งยืน

 

7Q คืออะไร?

การดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จตามที่ได้วางไว้ได้อย่างดี มีองค์ประกอบมากมายที่จะนำมาพิจารณาการทำงานให้บรรลุเป้าหมายและไปในทิศทางเดียวกันนั้น จะใช้ความรู้ความสามารถเพียงด้านเดียวคงจะไม่พอต่อการถึงจุดหมายปลายทาง การพัฒนาระดับความสามารถ (Quotient) ในด้านต่างๆ ของแต่ละบุคคลจึงเป็นประเด็นที่สำคัญที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิต และส่งให้ชีวิตการทำงานดีขึ้นไปด้วย

การพัฒนาระดับความสามารถในด้านต่างๆ ที่สำคัญ (7Q) ของแต่ละบุคคลด้วยตัวเอง จึงเป็นแนวทางที่องค์กรส่วนใหญ่อยากให้เกิดขึ้นกับบุคลากรในองค์กรของตัวเอง โดยการทำให้บุคลากรมี 7Q ที่สูงขึ้น โดยที่ 7Q นั้นประกอบไปด้วย

 

IQ (Intelligent Quotient) : ทักษะการคิดแก้ปัญหาอย่างฉลาด

EQ (Emotional Quotient) : การจัดการอารมณ์เชิงลบของตัวเอง

AQ (Adversity Quotient ) : การเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นโอกาสที่ท้าทาย

OQ (Optimist Quotient) : การแสดงผลงานที่มีคุณค่า

UQ (Unity Quotient) : การเป็นบุคคลที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย

CQ (Creativity Quotient) : ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ

PQ (Play Quotient): ความฉลาดที่เกิดจากการเล่น

 

การประยุกต์ใช้แนวทางบริหารจัดการ Q (Quotient) ต่างๆ กับเป้าหมายในชีวิตหรืองานที่ได้รับ รวมถึงสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน ย่อมทำให้บุคคลสามารถพิชิตเป้าหมายของตัวเอง และมีความสัมพันธ์ที่มีต่อบุคคลรอบข้าง รวมถึงการเป็นบุคลากรที่มีจิตใจที่ดีขององค์กร จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

การเรียนรู้และนำแนวทางไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างเข้าใจแนวทาง 7Q นั้น จะทำให้บุคลากรได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่แล้วอย่างเต็มที่และเต็มกำลัง นั่นก็หมายความว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติงานของแต่ละบุคคลที่ดีขึ้น  จึงทำให้เกิดผลงานที่มีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

โดยที่ Q แต่ละตัวจะสอดคล้องกันและทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยมีหลักของสมาธิเข้าไปเป็นพื้นฐานของสิ่งเหล่านี้จะทำให้เป็น 7Q แบบยั่งยืนแล้วเป็นต้นแบบเพื่อองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ได้นำไปปรับใช้ให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรตัวเอง

 

 

หลักสูตรฯ ให้สิ่งใดแก่ผู้เข้าอบรม

  1. สร้างมุมมองการอยู่ร่วมกันที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยก โดยรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการคิด เพิ่มประสิทธิผลของการสื่อสาร และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตนเองกับผู้อื่นได้อย่างลงตัว สามารถประยุกต์ใช้ 7Q กับการทำงานเพื่อการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น
  2. เกิดการเรียนรู้กระบวนการของ 7Q และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีรูปแบบและเห็นผล มีมุมมองปัญหาและอุปสรรคของงานที่เจออยู่ด้วยมุมมองใหม่ๆ สามารถนำวิธีการของตนเองมาใช้ในการแก้ปัญหาได้อย่างเป็นอัตโนมัติ
  3. ได้ปรับบุคลิกภาพให้เข้ากับผู้อื่นอย่างเหมาะสม
  4. เข้าใจการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
  5. ได้จุดร่วม และสงวนจุดต่างของการอยู่ร่วมกันในการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข และบรรลุเป้าหมายขององค์กรร่วมกัน
  6. ค้นพบ “ตัวตน” ที่แท้จริงของตนเอง สามารถนำพาตนเองและองค์กรที่มีความหลากหลายไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจําวันและการทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  7. เข้าใจหลักของ 7Q ผ่านกิจกรรมดังต่อไปนี้
  • สนุกกับการใช้ IQ (Intelligence Quotient) แก้ปัญหาต่างๆ
  • พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ EQ (Emotional Quotient)
  • ก้าวข้ามอุปสรรค AQ (Adversity Quotient) อย่างกล้าหาญ
  • แสดงผลงานอย่างมีคุณค่าด้วยความเป็นเจ้าของ OQ (Optimist Quotient)
  • พัฒนาตนเองเพื่ออยู่ร่วมกับสังคม UQ (Unity Quotient)  อย่างมีความสุข
  • มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ด้วย CQ (Creativity Quotient)
  • มีความมั่นใจในการกล้าที่จะเล่นอย่างสร้างสรรค์ด้วย  PQ (Play Quotient)
  1. ได้ทดลองปฏิบัติผ่าน Workshop: กำหนดแนวทางพัฒนา 7Q ของตนเอง

 

 ลักษณะของการอบรม

เป็นการเรียนรู้เนื้อหาวิชาการ ผ่าน Work Shop และกิจกรรมต่างๆ โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า 7Q (IQ EQ OQ AQ UQ CQ PQ) และ OD ที่หลากหลายประเภทผสมผสานกัน เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาทางวิชาการให้เข้าใจได้ง่าย สามารถนำไปปรับใช้กับการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการ

  1. บรรยายเนื้อหาวิชาการประกอบการทำ Work Shop และกิจกรรมกลุ่ม ในอัตราส่วน เนื้อหาวิชาการ 70 : Work Shop กิจกรรม 30
  2. การใช้เครื่องมือทางด้าน 7Q และ OD tools และเทคนิคการฝึกอบรมหลายประเภท เช่น
  • Ai (Appreciative Inquiry)
  • Dialogue สุนทรียะสนทนา
  • เกมพฤติกรรม
  • Work Shop
  • การระดมความคิดด้วย 7Q
  • Clip VDO และอื่นๆ


หัวข้อสำคัญในการเรียนรู้

  • หลักและวิธีการจัดการงานและคนอย่างมีประสิทธิภาพด้วย 7Q
    • ใครคือคนที่องค์กรต้องการ
    • บทบาทหน้าที่ของตัวเอง
    • ทฤษฎีพฤติกรรมมนุษย์เพื่อการจัดการ
    • เรียนรู้คน จากโมเดลผู้นำ 4 ทิศ
  • การสร้างแรงผลักดันให้ลูกน้องทำงานและมุ่งมั่นทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
    • ทฤษฎีการสร้างแรงจูงใจ ในการทำงาน
  • การประยุกต์กับการทำงานได้อย่างสัมฤทธิผลด้วย 7Q
  • ทัศนคติที่ดีในการทำงาน
  • Work Shop
    • ผ่านกิจกรรมกลุ่ม 4-5 กิจกรรม In house
    • ระดมสมอง และแชร์ความคิด

 

ความหลากหลายของกิจกรรม

– รู้จักตนเองเพื่อเข้าใจผู้อื่นด้วย 7Q

– ความแตกต่างของเจนเนอเรชัน (generations’ differences)

– เราเป็นค่าเฉลี่ยของคน 5 คน ที่เราใกล้ชิดมากที่สุด

– Work Shop 7Q ฝึกเล่าเรื่องตามคำสั่งและการแก้ปัญหา

– การพัฒนาตนเองเพื่อเสริมสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีด้วย 7Q

– Work Shop เดาใจเพื่อนด้วยตัวเลข (สงครามตัวเลข)

– Clip VDO การเข้าใจตนเอง

– เรียนรู้การทำงานของสมอง

– คิดด้วยสมอง…ทำด้วยใจ

– การสื่อสารแบบปากต่อปาก (Work Shop ใบ้คำ)

– ความหมายที่แท้จริงของชีวิต

– คำพังเพยไทย (Work Shop สนุกคลายเครียด)

– WHO ARE YOU (Work Shop)

– แบบทดสอบสัตว์สี่ทิศและความหมายของ 7Q

– Dialogue (พูดคุยกันแบบสบาย ๆ ในกิจกรรมที่ผ่านมา)

– คนเราแตกต่างกันอย่างไร? และเราจะได้ประโยชน์จากความเข้าใจความแตกต่างนั้นได้อย่างไร?

 

 

 ใครควรเข้าร่วม?

  1. บุคคลทั่วไปที่ต้องการเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของตนเอง และผู้อื่น
  2. บุคคลทั่วไปที่ต้องการเตรียมพร้อมสู่การเป็นหัวหน้างาน
  3. ผู้บริหาร หัวหน้างาน ระดับปฏิบัติงาน ที่ต้องการพัฒนาตนเอง

 

รูปแบบหลักสูตร

  1. การบรรยาย                                 30 %
  2. เกมส์ / กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop  70%

 

ผลสัมฤทธิ์ที่จะได้ (Outcomes)

         บุคคล

  • เรียนรู้ เข้าใจธรรมชาติและพื้นฐานของตนเอง และผู้อื่นด้วย 7Q
  • เข้าใจตนเองและผู้อื่นด้วยแบบทดสอบสัตว์สี่ทิศและ 7Q
  • สามารถใช้ 7Q เรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข
  • เข้าใจวิธีลดความตึงเครียดในการทำงานร่วมกันด้วย 7Q
  • สามารถนำความรู้เรื่อง 7Q ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างมีความสุข

 

ครอบครัว

  • ได้ผู้นำครอบครัวและสมาชิกของครอบครัวที่เข้าใจธรรมชาติและพื้นฐานของตนเองและคนในครอบครัวด้วย 7Q
  • จุดประกายความเข้าใจภายในครอบครัว เปิดใจ เอื้ออาทร ห่วงใยดูแลและรับฟังกันมากขึ้นเพราะมี 7Q
  • สมาชิกในครอบครัวรู้จักบทบาทและหน้าที่ของตนเองอย่างเอื้ออาทรกันและกัน
  • สมาชิกในครอบครัวมีความรัก ความเข้าใจ
  • ประชาธิปไตยและเสรีภาพบนความรับผิดชอบร่วมกันเริ่มต้นที่ในบ้าน

 

องค์กร

  • ได้พนักงานที่มีทัศนคติเชิงบวกในการทำงาน
  • พนักงานมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น
  • นโยบายขององค์กรถูกขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติได้เร็วขึ้น
  • ได้รับการยอมรับในเรื่ององค์กรยุคใหม่ใส่ใจในทุกๆ ด้านของผู้ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรทั้งหมด (ผู้ถือหุ้น ผู้บริหาร พนักงาน ผู้ผลิตวัตถุดิบให้เรา ลูกค้าเรา และสิ่งแวดล้อมที่องค์กรเราอยู่ร่วมด้วย)
  • ผลกำไรที่ยั่งยืน ส่งผลทำให้ผู้ถือหุ้น ผู้บริหาร พนักงาน ผู้ผลิตวัตถุดิบให้เรา ลูกค้าเรา และสิ่งแวดล้อมที่องค์กรเราอยู่ร่วมด้วย อยู่กันอย่างเกื้อกูล
  • เป็นองค์กรที่มีความสำเร็จและความสุข

 

DISC

หลักสูตร DISC สำหรับหัวหน้างาน (DISC for Leadership)

หลักสูตร DISC สำหรับหัวหน้างาน (DISC for Leadership)

การเป็นหัวหน้างานยุคใหม่ที่จะประสบความสำเร็จตามที่ได้วางไว้ได้อย่างดี มีองค์ประกอบมากมายที่จะนำมาพิจารณาการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย และไปในทิศทางเดียวกันนั้นจะใช้ความรู้ความสามารถเพียงด้านเดียวคงจะไม่พอต่อการถึงจุดหมายปลายทาง

การพัฒนาระดับความสามารถ ในด้านต่างๆ ของหัวหน้างานยุคใหม่นั้นจึงเป็นประเด็นที่สำคัญที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิต และส่งให้ชีวิตการทำงานดีขึ้นไปด้วยจึงจะเรียกว่า การเป็นผู้นำและนักบริหารมืออาชีพ รวมทั้งหัวหน้างานยุคใหม่ต้องเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง เพราะตระหนักรู้ว่าถ้าเราไม่ยอมปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงยากที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจ

หลักสูตรนี้ได้นำเอาหลักของ DISC มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยให้ผู้เข้าอบรมเกิดความเข้าใจในคุณลักษณะ พฤติกรรมการแสดงออกทั้งของตนเองและของบุคคลอื่น ซึ่งจะนำไปสู่ การยอมรับตนเอง รับรู้ เข้าใจถึงความแตกต่างและความถนัดของบุคคลในแต่ละคุณลักษณะ เข้าใจถึงสิ่งที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการแสดงออกของแต่ละคุณลักษณะบุคคล  สามารถนำเอาหลักการและความเข้าใจเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนเอง ปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นและสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม เพิ่มทักษะในการพัฒนาขีดความสามารถของทีมงาน ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างบุคคล สร้างแนวทางการครองใจสมาชิกในทีมด้วยรูปแบบที่เหมาะสมของตนเอง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตนเองและของทีมงานจากการที่ทุกคนในทีมมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน รู้แนวทางความถนัดของสมาชิกในทีม เกิดความสามัคคีร่วมมือร่วมใจ สร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลอื่นได้อย่างสัมฤทธิ์ผล

 

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้สร้างมุมมองการอยู่ร่วมกันที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยกของผู้นำ โดยรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น ด้วยรูปแบบของกลุ่มพฤติกรรมที่แตกต่างกัน – DISC Model
  2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ช่วยค้นหาจุดเด่น และสิ่งที่ควรพัฒนา เป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาตนเองของผู้นำที่ดี ให้มีภาวะของผู้นำ
  3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ปรับบุคลิกภาพของผู้นำให้เข้ากับผู้อื่นอย่างเหมาะสม
  4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพของผู้นำ และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขด้วยหลักของ DISC
  5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจว่าการมีจุดร่วม และสงวนจุดต่างของผู้นำและการอยู่ร่วมกันในการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข และบรรลุเป้าหมายขององค์กรร่วมกันนั้นสำคัญมาก
  6. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ค้นพบ “ตัวตน” ของผู้นำในแบบฉบับที่แท้จริงของตนเอง ด้วย DISC Model อีกทั้งสามารถนำพาตนเองและองค์กรที่มีความหลากหลายไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจําวันและการทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ลักษณะของการอบรม

เป็นการเรียนรู้เนื้อหาวิชาการ ผ่าน Work Shop และกิจกรรมต่างๆ โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า DISC Model และ OD ที่หลากหลายประเภทผสมผสานกัน เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาทางวิชาการให้เข้าใจได้ง่าย สามารถนำไปปรับใช้กับการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

วิธีการ

  1. บรรยายเนื้อหาวิชาการประกอบการทำ Work Shop และกิจกรรมกลุ่ม
  2. การใช้เครื่องมือ DISC Model และ OD tools และเทคนิคการฝึกอบรมหลายประเภท เช่น
  • Ai (Appreciative Inquiry)
  • Dialogue สุนทรียะสนทนา
  • เกมพฤติกรรม
  • Work Shop
  • Clip VDO และอื่นๆ

 

 หัวข้อสำคัญในการเรียนรู้

  • หลักและวิธีการจัดการงานและคนอย่างมีประสิทธิภาพด้วย DISC Model
    • แนวคิดเรื่องพฤติกรรมมนุษย์และการแสดงออก
    • ความหมายของ D-I-S-C และความสำคัญในการเข้าใจเรื่อง D-I-S-C
    • ประเภทของพฤติกรรมมนุษย์ในรูปแบบต่างๆ
    • ศึกษากรณีศึกษาของบุคคลต่างๆ กับพฤติกรรมการแสดงออกของเขา
    • สาเหตุของความแตกต่างของมนุษย์
    • การสำรวจบุคลิกความแตกต่างของพฤติกรรมแต่ละคน
    • การค้นหาความแตกต่างของแต่ละคน
    • การสื่อสารและการแสดงออกของคนในแต่ละประเภท
    • การประยุกต์ใช้ D-I-S-C กับอิริยาบถของการทำงาน
    • การจัดทำ Work Shop

 

  • ทฤษฎีพฤติกรรมมนุษย์เพื่อการจัดการ (การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน)
  • Teamwork (การทำงานเป็นทีม)
  • Achievement Motivation (แรงจูงใจสู่ความสำเร็จ)
  • Accountability (ความรับผิดชอบอย่างผู้นำ) ซึ่งประกอบไปด้วย
  • มีวิสัยทัศน์ (Visioning Goal Setting & Leading others )
  • มีทักษะการจัดการกับการเปลี่ยนแปลง (Change Management Skills)
  • สอนงานเป็นและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ (Coaching & Develop others)
  • กล้าตัดสินใจ (Decision Making)
  • มีทักษะการบริหารจัดการลูกน้อง (People Management Skills)
  • สามารถจูงใจลูกน้องได้ (Motivate Subordinate)

 

  • Continuous Learning (การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง)
  • Creativity (ความคิดสร้างสรรค์)

 

ประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกอบรม

 

1.ผู้เข้าอบรมได้สร้างมุมมองการอยู่ร่วมกันที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยกของผู้นำ โดยรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่น ด้วยรูปแบบของกลุ่มพฤติกรรมที่แตกต่างกัน – DISC Model

2.ผู้เข้าอบรมได้ช่วยค้นหาจุดเด่น และสิ่งที่ควรพัฒนา เป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาตนเองของผู้นำที่ดี ให้มีภาวะของผู้นำ

3.ผู้เข้าอบรมได้ปรับบุคลิกภาพของผู้นำให้เข้ากับผู้อื่นอย่างเหมาะสม

4.ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพของผู้นำ และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขด้วยหลักของ DISC

5.ผู้เข้าอบรมได้เข้าใจว่าการมีจุดร่วม และสงวนจุดต่างของผู้นำและการอยู่ร่วมกันในการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข และบรรลุเป้าหมายขององค์กรร่วมกันนั้นสำคัญมาก

6.ผู้เข้าอบรมได้ค้นพบ “ตัวตน” ของผู้นำในแบบฉบับที่แท้จริงของตนเอง ด้วย DISC Model อีกทั้งสามารถนำพาตนเองและองค์กรที่มีความหลากหลายไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจําวันและการทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

กลุ่มเป้าหมาย

ผู้บริหาร, ผู้จัดการ, หัวหน้างาน, พนักงานทั่วไป และผู้ที่ต้องการพัฒนาตัวเอง

 

วิธีการอบรม

การบรรยาย/กิจกรรมกลุ่ม, เดี่ยว/ ทำแบบ Assessment /Clip VDO

 

รูปแบบหลักสูตร

1.การบรรยาย                                                          40 %

2.เกมส์ / กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop    60%