หลักสูตร Storytelling เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารในการทำงาน
( Storytelling for Success )
หลักการและเหตุผล :
ในการทำการตลาดในปัจจุบันนั้น การใช้คอนเทนต์ในการทำการตลาดเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดหลายๆท่านใช้อยู่แล้ว แต่อย่างที่เราทราบกันดี ว่าคอนเทนต์ในโลกออนไลน์นั้นมีจำนวนมากเกินกว่าที่ผู้บริโภคต้องการที่จะรับสารได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นการสื่อสารออกไปเพียงฝ่ายเดียว อย่างเช่น การบอกเหตุผลกับลูกค้า ว่าทำไมพวกเขาจึงควรซื้อผลิตภัณฑ์ หรือทำไมต้องใช้บริการของธุรกิจเราเพียงอย่างเดียว จะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
ธุรกิจจำเป็นที่จะต้องเริ่มแบ่งปันเรื่องราวเบื้องหลังของแบรนด์ของคุณ ว่าคุณผ่านอะไรมา ทำไมธุรกิจของคุณถึงมีอยู่ และธุรกิจของคุณได้ช่วยเหลืออะไรบ้าง ซึ่งการที่ธุรกิจของคุณสามารถแบ่งปันเรื่องราว หรือประสบการณ์ที่เคยผ่านพบเจอมา จะทำให้ธุรกิจของคุณนั้นมีความน่าสนใจมากขึ้น และเชื่อมต่อกับผู้คน สร้างความไว้วางใจ โดยเรื่องราวที่ถูกบอกเล่าออกไป จะส่งผลให้เกิดการสร้างมูลค่าให้แก่แบรนด์ของคุณอีกด้วย นั่นก็คือ “ เรื่องราวของแบรนด์”
เราเคยได้ยินคำว่า “Storytelling” กันมามาก บางคนว่าคือการเอาเรื่องมาเล่า บางคนว่าคือกลยุทธใหม่ของธุรกิจ บางคนว่าคือเทคนิคจูงใจคน บางคนว่าคือเคล็ดลับความสำเร็จ และอีกหลายแห่งก็ว่า มันคือวิธีการสร้างแบรนด์บนโลกออนไลน์ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือ Content is NOT King เนื้อหาหล่อๆ คำพูดเท่ๆ ไอเดียแปลกๆ ใครๆ ก็พูดได้ Storytelling is the best way to communicate people หรือการนิยามเหนือๆ เป้าหมายล้ำๆ ใครๆ ก็โชว์คูลได้เหมือนกัน
แต่การนำ “ไอเดีย ความคิด และเรื่องเหล่านั้น” ลงไปวางในใจผู้คนได้จริง รู้วิธี รู้จังหวะปลูกฝังลงในความคิด ไม่ต้องประดิษฐ์เล่นคำ ไม่ต้องเป็นคนดัง ไม่ต้องเล่นมุข ไม่ต้องพยายามฮา และรู้วิธีและมีทักษะในการทำให้ผู้คนเกิดอารมณ์และความเต็มใจได้ สิ่งเหล่านี้มีเพียง “นักเล่าเรื่อง” ที่ถูกฝึกสร้างมาอย่างเป็นกระบวนการเท่านั้นที่ทำได้ เพราะ “กระบวนการคิด” และ “ศิลปะการเชื่อมโยงจินตนาการให้ผู้คนด้วยเรื่องเล่า” นั้น ได้กลายเป็นทักษะเฉพาะตัวของนักเล่าเรื่องเหล่านั้น
วัตถุประสงค์
- เพื่อให้ผู้เข้าอบรม ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักการ และกระบวนการของ Storytelling นำไปใช้เป็นแนวทางการกำหนดเป้าหมายขององค์กร
- เพื่อให้ผู้เข้าอบรม สามารถนำความรู้ที่ได้รับจาก Storytelling ไปประยุกต์ใช้กับตนเอง เพื่อให้การบริหารงานเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- เพื่อให้ผู้เข้าอบรม ได้เรียนรู้จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับวิทยากรและผู้เข้าร่วมฝึกอบรมด้วยกัน อันจะนำไปสู่การพัฒนาแนวคิดของ Storytelling ให้เหมาะสมกับองค์กร
- เพื่อให้ผู้เข้าอบรม สามารถใช้เครื่องมือร่วมสมัยเพื่อช่วยให้การวางแผนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- เพื่อให้ผู้เข้าอบรม ได้เข้าใจและเรียนรู้เทคนิคการสร้างเรื่องเล่าและการเล่าเรื่อง พร้อมฝึกฝนร่วมกัน
เนื้อหาหลักสูตร
- Storytelling จากกลยุทธ์ทางการตลาดสู่การเป็นเครื่องมือสร้างคนในองค์กร
- กระบวนการพื้นฐานในการเรียนรู้ของบุคคล
- ความสำคัญ และประโยชน์ของการใช้ Storytelling ในการทำงาน
- การจำแนกประเภทของ Storytelling
- ขั้นตอนในการสร้าง Storytelling ให้น่าสนใจและเกิดประสิทธิผล
- การคิดเรื่องเล่าตามจุดประสงค์ที่ต้องการ
- การสร้าง Story Content
- การเล่าเรื่อง Story Telling
- เทคนิคการนำเสนอที่ทรงพลังสำหรับ Story Teller
- วิธีการตั้งประเด็น และตอบคำถามอย่างถูกวิธี
- การประยุกต์ใช้ Storytelling เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น
- การสอนงาน
- การบริหารจัดการ
- การนำเสนองาน
- การสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
- การบอกเล่าประสบการณ์
- การถ่ายทอดความรู้
- Workshop การสร้าง Storytelling และฝึกเทคนิคการนำเสนอที่ประทับใจ
- 10. 7 สูตรการเล่าเรื่องที่จะทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่น่าจดจำ
- Before-After-Bridge
- Before (ก่อน) – แสดงให้ผู้อ่านรับรู้ถึงปัญหา
- After (หลัง) – แสดงให้ผู้อ่านเห็นว่าเมื่อแก้ปัญหาแล้วเป็นอย่างไร
- Bridge (สะพาน) – แสดงให้เห็นว่าต่องทำอย่างไรถึงจะไปถึงจุดนั้น
- Problem-Agitate-Solve
- Problem(ปัญหา) – ปัญหาที่เกิด
- Agitate(กวนใจ) – สิ่งที่กวนใจ
- Solve (แก้ไข) – วิธีการแก้ปัญหาเหล่านั้น
- Features-Advantages-Benefits
- Features (คุณสมบัติ) – สินค้าของคุณทำอะไรได้บ้าง
- Advantages (ข้อดี) – สิ่งนี้จะช่วยอะไร ทำอะไรได้บ้าง
- Benefits (ประโยชน์) – สิ่งนี้มีความหมายอะไรกับผู้อ่าน ทำไมต้องใส่ใจ
- Three–Act Structure
- Act One / Setup (ติดตั้ง) – แนะนำตัวละครและฉากที่เกิดขึ้น
- Act Two / Confrontation (การเผชิญหน้า) – การเจอกับอุปสรรคปัญหา สิ่งกีดขวางต่างๆ
- Act Three / Resolution (การยืนหยัด) – การยืนหยัดต่อสู้กับปัญหาจนก้าวข้ามมาได้แล้ว
- Freytag’s Pyramid: Five–Act Structure
- Exposition (การแสดง)
- Inciting Incident (ต้นเหตุ)
- Rising Action (การลุกขึ้นลงมือทำ)
- Climax (จุดสำคัญ)
- Falling Action (ล้มเหลว)
- Resolution (การยืนหยัด)
- Denouement (แก้ไข)
- Simon Sinek’s Golden Circle
- วงกลม 1 : Why – ทำไมถึงมีบริษัทเรา? เป็นการเริ่มตั้งถามให้กับคนในบริษัท
- วงกลม 2 : How – พวกเขาทำสิ่งที่พวกเขาทำได้อย่างไร?
- วงกลม 3 : What – คุณทำอะไร?
- Dale Carnegie’s Magic
- Incident (อุบัติการณ์)
- Action (ลงมือปฏิบัติ)
- Benefit (ประโยชน์)
ประโยชน์ที่ได้รับ
1.ผู้เข้าอบรม ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักการ และกระบวนการของ Storytelling นำไปใช้เป็นแนวทางการกำหนดเป้าหมายขององค์กร
2.ผู้เข้าอบรม สามารถนำความรู้ที่ได้รับจาก Storytelling ไปประยุกต์ใช้กับตนเอง เพื่อให้การบริหารงานเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3.ผู้เข้าอบรม ได้เรียนรู้จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับวิทยากรและผู้เข้าร่วมฝึกอบรมด้วยกัน อันจะนำไปสู่การพัฒนาแนวคิดของ Storytelling ให้เหมาะสมกับองค์กร
4.ผู้เข้าอบรม สามารถใช้เครื่องมือร่วมสมัยเพื่อช่วยให้การวางแผนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
5.ผู้เข้าอบรม ได้เข้าใจและเรียนรู้เทคนิคการสร้างเรื่องเล่าและการเล่าเรื่อง พร้อมฝึกฝนร่วมกัน
รูปแบบหลักสูตร
1.การบรรยาย 30 %
2.กิจกรรมกลุ่ม / ฝึกปฏิบัติ Workshop 70%